คุจิกิ เบียคุยะ

คุจิกิ เบียคุยะ (ญี่ปุ่น: 朽木 白哉 ; Kuchiki Byakuya) เป็นตัวละครจากการ์ตูนเรื่องเทพมรณะ และเป็นยมทูตหัวหน้าหน่วยที่ 6 แห่ง 13 หน่วยพิทักษ์

ตัวละคร เทพมรณะ
ไฟล์:Rukia.jpg
คุจิกิ เบียคุยะ
อาชีพ ยมทูต
วันเกิด 31 มกราคม
อายุ ไม่ปรากฏ
สีผม สีดำ
สีตา สีเทา
ส่วนสูง 180 cm.
น้ำหนัก 64 Kg
หมู่เลือด ไม่ปรากฏ
ดาบฟันวิญญาณ เซ็มบงซากุระ
พากย์เสียงโดย Ryotaro Okiayu(เรียวทาโร โอกิยู)

ลักษณะ/อุปนิสัย

แก้

กฎเกณฑ์ที่สถิตอยู่ในแววตา

เบียคุยะ เป็นชายร่างสูง สง่างาม มีปิ่นปักผมของขุนนางชั้นสูงอยู่บนศีรษะ เขาเป็นคนเงียบครึม มักจะไม่ค่อยพูด เคร่งครัดในกฎระเบียบ ไม่ชอบแสดงความรู้สึกทางสีหน้า มักจะเย็นชากับคนรอบข้างเสมอ จนบางคนออกปากเรียกเขาว่า"เจ้าชายน้ำแข็ง" แต่แท้จริงแล้วเขาเองก็ถือได้ว่าเป็นคนที่รักษาสัจจะอย่างแท้จริงคนหนึ่ง เขาเป็นคนที่จริงจังต่อการทำงานในหน้าที่และยึดทุกอย่างให้เป็นไปตามกฎที่มีอยู่ แต่ถึงอย่างนั้น ตอนเด็กกลับเป็นเด็กหนุ่มร่าเริงสดใส ชอบการฝึกดาบอยู่ที่คฤหาสน์คุจิกิและมักจะทะเลาะกับโยรุอิจิซึ่งตอนนั้นเป็นหัวหน้าหน่วย 2 อยู่เป็นประจำเพราะเธอชอบแย่งเชือกมัดผมของเบียคุยะจากนั้นก็ใช้ก้าวพริบตาหนีหายไป

ประวัติ

แก้

คุจิกิ เบียคุยะ เป็นหัวหน้าตระกูล "คุจิกิ" 1 ใน 4 ตระกูลขุนนางชั้นสูงสุด และว่ากันว่าเบียคุยะนั้นมีฝีมือเก่งกาจที่สุดในประวัติศาสตร์ตระกูลคุจิกิอันยาวนาน เขาเป็นพี่ชายบุญธรรมของลูเคีย และเป็นหัวหน้าหน่วย 6 ของ "13 หน่วยพิทักษ์" ซึ่งเขาได้รับลูเคียมาเป็นน้องสาวบุญธรรม เนื่องจากคำสัญญาของเขากับ "ฮิซานะ" ซึ่งเป็นพี่สาวที่แท้จริงของลูเคียและเป็นภรรยาของเขาซึ่งขอให้น้องสาวของตนเรียกเบียคุยะว่าพี่ ซึ่งนั่นก็ทำให้เขาต้องแหกกฎของตระกูล เขาจึงสาบานต่อหน้าสุสานของพ่อแม่ว่าจะไม่ทำผิดกฎอีกเป็นครั้งที่สอง และปิดเรื่องนี้เป็นความลับตลอดมา

  • วันเกิด / 31 มกราคม
  • ส่วนสูง / 180 เซนติเมตร
  • น้ำหนัก / 64 กิโลกรัม
  • ดาบฟันวิญญาณ / เซ็มบงซากุระ
  • คำปลดปล่อย / จงโปรยปราย เซ็มบงซากุระ
  • บังไค / เซ็มบงซากุระ คาเงโยชิ (เงาหาญซากุระพันกลีบ)
  • ความชอบส่วนตัว / เดินเล่นชมจันทร์
  • ความถนัดส่วนตัว / การคัดอักษร
  • อาหาร / อาหารที่ชอบ - อาหารเผ็ด
  • อาหารที่ไม่ชอบ - อาหารหวาน
  • การพักผ่อนสบายๆในวันหยุด / เข้าร่วมวาระประชุมของสี่ตระกูลขุนนาง หรือคัดอักษรเพื่อทำใจให้สงบ
ข้อมูลของหน่วย 6

สัญลักษณ์ของหน่วยคือ ดอกสึบากิหรือดอกคาเมลเลีย ความหมายคือ อุดมคติอันสูงส่ง

ซึ่งความหมายนี้ อธิบายลักษณะนิสัยของทั้งหัวหน้าและรองหัวหน้าหน่วยได้อย่างชัดเจนยิ่ง เป็นหน่วยที่มีระเบียบวินัยและถือเป็นหน่วยที่แข็งแกร่งมากหน่วยหนึ่ง แต่ในอีกด้านหนึ่ง ก็เป็นหน่วยที่สงบเรียบร้อยและเยือกเย็นตามนิสัยของหัวหน้า เพราะเบียคุยะชื่นชอบกิจกรรมที่ทำให้ใจสงบสุขุม ไม่เว้นแม้แต่การเดินชมจันทร์

บทบาท

แก้

ภาคโซลโซไซตี้

แก้

เขาปรากฏตัวครั้งแรกพร้อมกับรองหัวหน้าหน่วย 6 "อาบาราอิ เร็นจิ"จากคำสั่งปลอมของ "วังกลาง 46 ห้อง" ให้ไปจับตัวลูเคียกลับมาจากโลกมนุษย์ และเบียคุยะนั้นยังเป็นผู้ตัด"โซ่กรรม"ของอิจิโกะ จนอิจิโกะสูญเสียพลังของยมทูตที่ได้มาจากลูเคียไป

หลังจากนั้นเบียคุยะก็ไม่ได้สนใจที่จะช่วยเหลือลูเคีย นั่นเพราะเขาเองได้สาบานแล้วว่าจะไม่แหกกฎอีก ทำให้อยู่ในฐานะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก และเขาก็ได้ต่อสู้กับเร็นจิที่ต้องการช่วยลูเคียและเอาชนะได้

ในตอนท้ายของภาคโซลโซไซตี้ เขาได้เข้าต่อสู้กับอิจิโกะและได้ใช้พลังและความสามารถทั้งหมดเท่าที่มีในการต่อสู้ จนในที่สุดเขาก็ยอมและจากไปทั้งที่ยังไม่รู้ผล แต่ในตอนที่ลูเคียกำลังจะโดน"อิจิมารุ งิน"จัดการ เขาก็เอาตัวเองมารับการโจมตีแทน และหลังจากนั้นเขาก็บอกความจริงทั้งหมดเกี่ยวกับพี่สาวของลูเคีย เขาได้พักรักษาตัวเองอยู่ที่โซลโซไซตี้

ภาคเบาท์

แก้

เบียคุยะได้ประจำอยู่ที่โซลโซไซตี้ และเมื่อเหล่าเบาท์ได้บุกมาถึงเซย์เรย์เทย์ เขาก็ได้เข้าต่อสู้กับคาริยะ จินหัวหน้าของเหล่าเบาท์ จนถึงขั้นที่เบียคุยะต้องปลดปล่อยสวัสดิกะ แต่อิจิโกะก็เข้ามาช่วยด้วยเสียก่อน ทำให้การต่อสู้จบลงโดยไม่รู้ผลแพ้ชนะ และในช่วงสุดท้ายของภาค เบียคุยะได้เข้าขัดขวางการส่งพลังเพื่อจุดระเบิดพลังวิญญาณ ของคาริยะในระหว่างการต่อสู้กับอิจิโกะร่วมกับโยรุอิจิ และเฝ้ามองการต่อสู้ของทั้งคู่อยู่จนจบ

ภาคอารันคาร์

แก้

เบียคุยะไม่ค่อยมีบทมานัก นอกจากการปรากฏตัวในการประชุมในช่วงแรกและการมารับเหล่ายมทูตกลับไปยังโซลโซไซตี้ในช่วงหลัง

ภาคฮูเอโก้มุนโด้

แก้

เบียคุยะได้ช่วยเหลือเร็นจิกับลูเคียให้เข้ามาในฮูเอโก้มุนโด้ เพื่อช่วยเหลือพวกอิจิโกะในการต่อสู้เพื่อช่วยเหลือโอริฮิเมะ

นอกจากนั้นยังมาช่วยเหลือลูเคียจากการกวาดล้างของเอสปาด้า หมายเลข 7 ที่ชื่อว่า "โซมารี เลอรูซ์" เบียคุยะใช้เซ็มบ้งซากุระจัดการกับโซมาลีได้เป็นผลสำเร็จ และตามซาราคิ เคมปาจิไปหาอิจิโกะหลังจากที่อิจิโกะสู้กับอุลคิโอร่าเสร็จแล้วและกำลังปะทะกับเอสปาด้าลำดับ10(หรือ0)ยามี่ ริยัลโก้ หลังจากปล่อยให้ซาราคิสู้กับยามี่ ก็พูดเตือนสติอิจิโกะให้รีบกลับไปยังโลกมนุษย์ด้วยความช่วยเหลือของคุโรซึจิ มายูริที่วิเคราะห์และเปิดการ์กันต้าที่ฮูเอโก้มุนโด้สำเร็จ จากนั้นเบียคุยะกับเคมปาจิก็ทะเลาะกันเองโดยที่ยามี่กลายเป็นตัวรับลูกหลงไป
หลังจากนั้น เบียคุยะ เคมปาจิ และเคียวราคุ ก็เข้าไปรับการเอ็ดตะโรชุดใหญ่จากหัวหน้าใหญ่ฐานที่ทำเสื้อคลุมหัวหน้าหน่วยหายโดยที่เบียคุยะได้บอกว่า"ของโหลๆแบบนี้เดี๋ยวผมซื้อมาใหม่ให้" หลังจากนั้นจึงโดนเอ็ดตะโรซ้ำอีกรอบ

ภาคตัวแทนยมทูตที่หายไป

แก้
 
เบียคุยะหลังจากผ่านไป17เดือนพร้อมกับการแต่งกายแบบใหม่

เบียคุยะได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งพร้อมกับการแต่งกายใหม่หลังจากที่อิจิโกะได้พลังยมทูตคืนมาและต่อสู้กับซึคิชิม่า แต่ว่าก็ถูก"บุ๊ค ออฟ ดิเอนด์"ของซึคิชิม่าฟันเอาทำให้ซึคิชิม่าที่แทรกเข้าไปในอดีตของเบียคุยะสามารถอ่านการโจมตีออกทุกรูปแบบ เบียคุยะที่เข้าตาจนจึงได้ตัดสินใจปล่อยตัวเองไปตามความบ้าคลั่งในการต่อสู้เป็นครั้งแรกและสามารถสังหารซึคิชิม่าลงได้

ภาคสงครามเลือดพันปี

แก้

เบียคุยะกับสมาชิกหน่วยหกได้เข้ารับการบุกของจักรวรรดิวินเดนไรห์และปะทะเข้ากับนักรบดวงดารา F"Fear"แอส นอดด์และถูกขโมยปลดปล่อยสวัสดิกะไป หลังจากนั้นเบียคุยะก็ถูกปลดปล่อยสวัสดิกะของตนเองโจมตีจนบาดเจ็บสาหัส แต่ตอนนี้พ้นความตายแล้ว และถูกหน่วย 0 ( ราชันย์ ) นำตัวไปยังวังของราชาแห่งโลกวิญญาณ และได้ฝึกฝนจนและเข้าใจถึงแก่นแท้ของพลัง และได้กลับไปร่วมต่อสู้อีกครั้งพร้อมกับพลังบังไคแบบใหม่ (เป็นภาคที่โหดที่สุดเจอ 5 รุม1 แต่ชิวๆ)

ดาบฟันวิญญาณ

แก้

ขั้นต้น (ชิไค)

แก้
  • ชื่อ : เซ็มบงซากุระ (ญี่ปุ่น: 千本桜โรมาจิSenbonzakuraทับศัพท์: ซากุระพันดอก)
  • คำปลดปล่อย : "จงโปรยปราย" (ญี่ปุ่น: 散れโรมาจิchire)
  • ลักษณะ : ตัวคมดาบจะสลายเป็นกลีบดอกซากุระ ใช้ฟาดฟันด้วยการสะบัดด้ามดาบที่ยังไม่เปลี่ยนลักษณะ สร้างความเสียหายแก่สิ่งที่สัมผัสโดน ซึ่งวิธีการใช้และลักษณะจะคล้ายกับ "ไฮเนโกะ" ของมัสซึโมโตะ รันงิคุ
  • รูปร่างที่แท้จริง : เป็นผู้ชายร่างสูง ใส่ชุดเกราะซามูไรพร้อมกับหน้ากากยักษ์ นิสัยใจร้อน ขี้โวยวาย ชอบหลอกใช้และโยนความผิดให้คนอื่น ใจร้อน ความอดทนต่ำเหมือนนิสัยของ คุจิกิ เบียคุยะ ตอนเด็ก (อาจจะเป็นเพราะดาบฟันวิญญาณแสดงตัวตนของเจ้าของดังที่ เคียวราคุ กล่าวไว้) สูงกว่าเบียคุยะเพียงห้าเซนติเมตรเท่านั้น
  • ความสามารถ : ตัวคมดาบจะกลายสภาพเป็นกลีบเล็กๆจำนวนนับพันกระจายออกคล้ายกลีบดอกซากุระ ซึ่งจะพุ่งเข้าเฉือนร่างของคู่ต่อสู้อย่างรวดเร็วและรุนแรง และสามารถใช้ในการตั้งรับได้อีกด้วย สามารถกันได้ทุกอย่าง โดยที่เบียคุยะจะเว้นขอบเขตระหว่างตัวเองกับคมดาบเอาไว้85ซม.เพื่อกันไม่ให้คมดาบฟันโดนตนเอง เรียกว่า เขตไร้บาดแผล เซ็มบงซากุระเคยเข้ามาในเขตไร้บาดแผลเพียงสองครั้งเท่านั้นคือตอนที่ดาบฟันวิญญาณก่อกบฏ กับตอนที่สู้กับซึคิชิม่า

ขั้นปลดปล่อยสวัสดิกะ (บังไค)

แก้
  • ชื่อ : เซ็มบงซากุระคาเงโยชิ (ญี่ปุ่น: 千本桜景厳โรมาจิเงาหาญซากุระพันดอก)
  • ลักษณะ : ตัวดาบทั้งหมดจะสลายเป็นกลีบดอกซากุระจำนวนมหาศาล
  • ความสามารถ : ซึ่งตัวคมดาบทั้งหมดจะแตกออกเป็นกลีบซากุระจำนวนนับไม่ถ้วน และจะเข้าโจมตีคู่ต่อสู้ด้วยความเร็วสูงมากราวกับพายุ และถ้าใช้วิธีควบคุมด้วยมือ ความเร็วก็จะเพิ่มขึ้น2เท่า
  • รูปแบบที่ 1 เซ็มบงซากุระคาเงโยชิ (เงาหาญซากุระพันกลีบ)
เบียคุยะจะปล่อยดาบจมลงดิน และผุดขึ้นมาเป็นคมดาบยักษ์จำนวนนับไม่ถ้วนเรียงเป็นแถวยาวจนลับสายตา ซึ่งตัวคมดาบทั้งหมดจะแตกออกเป็นกลีบซากุระจำนวนนับไม่ถ้วน และจะเข้าโจมตีคู่ต่อสู้ด้วยความเร็วสูงมากราวกับพายุ และถ้าใช้วิธีควบคุมด้วยมือ ความเร็วก็จะเพิ่มขึ้น2เท่า
  • รูปแบบที่ 2 เซ็นเคย์ (เงาพิฆาต)
ตัวกลีบคมดาบจะรวมกันกลายเป็นดาบเล็กๆพันเล่มล้อมรอบสถานที่ต่อสู้(ลักษณะคล้ายโดม) ซึ่งเบียคุยะสามารถควบคุมให้ดาบพุ่งเข้ามาหาตัวเองหรือคู่ต่อสู้ได้ตามต้องการ เป็นการโจมตีที่จะปิดช่องทางหนีของศัตรู และจะเน้นการโจมตีเพียงอย่างเดียว หมายเหตุ ขั้นนี้ดาบฟันวิญญาณทั้งพันเล่มจะทำการตรึงการเคลื่อนไหวของศัตรูทำให้เคลื่อนที่ช้าลง(ทำให้ง่ายต่อการฆ่า) เป็นขั้นที่เบียคุยะเองก็ไร้ซึ่งการป้องกันเพราะกลีบซากุระทั้งหมดกลายเป็นตัวดาบหมด
  • รูปแบบที่ 3 ชูเคย์ (เงาสุดท้าย) ฮาคุเทย์เค็น (ญี่ปุ่น: 白帝剣โรมาจิดาบจักรพรรดิขาว)
กลีบคมดาบทั้งหมดจะมารวมกันเป็นดาบเดียว ซึ่งจะมีสีขาวส่องประกาย และจะมีแสงเป็นรูปปีกแตกออกสองข้าง เป็นการโจมตีขั้นสุดท้ายของเซ้มบงซากุระคาเงโยชิ
  • รูปแบบที่ 4 โกเคย์ (เงาลำคอ)
กลีบเซ็มบงซากุระจะล้อมรอบศัตรูและจะโจมตีพร้อมกันและไม่เคยมีใครรอด ปรากฏเมื่อต่อสู้กับเอสปาดาหมายเลย 7 โซมารี เลอรูส์

หมายเหตุ เบียคุยะมีวิถีมารขั้นสูงที่ถนัดที่สุดคือ วิธีผนึกที่ 81 ดันคู(สะบั้นมิติ) อ้างอิงจาก หนังสือbleachเทพมรณะเล่ม34 หน้า141