คริส อดัมส์
คริสโตเฟอร์ อดัมส์ (อังกฤษ: Christopher Adams; 10 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1955 – 7 ตุลาคม ค.ศ. 2001) หรือที่รู้จักกันในชื่อ "สุภาพบุรุษ" คริส อดัมส์ (อังกฤษ: "Gentleman" Chris Adams) เป็นทั้งนักมวยปล้ำอาชีพ และโปรโมเตอร์มวยปล้ำ, ผู้ฝึกสอน, นายแบบพาร์ทไทม์ และนักยูโดชาวอังกฤษ ขณะที่เขามีอายุได้ 21 ปี เขาได้เป็นแชมป์ยูโดแห่งชาติอังกฤษสามสมัยในรุ่นน้ำหนักและยุคของเขา[1] อดัมส์แข่งมวยปล้ำเป็นหลักในรัฐเท็กซัส โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรายการเวิลด์คลาสแชมเปียนชิพเวรสลิง ที่ซึ่งเขาเป็นหนึ่งในนักมวยปล้ำที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของรายการ[2] อดัมส์เป็นที่รู้จักในฐานะเป็นผู้ฝึกสอนสก็อตต์ ฮอลล์ ใน ค.ศ. 1984 และสตีฟ ออสติน ใน ค.ศ. 1989[3][4] เขายังเป็นที่รู้จักในฐานะนักมวยปล้ำคนแรกที่ใช้ท่าซูเปอร์คิกในการจบเกม ที่ซึ่งต่อมานักมวยปล้ำอื่นนับสิบรายได้นำมาใช้ (โดยเฉพาะชอว์น ไมเคิลส์ กับท่า 'สวิชชินมิวสิค')
คริส อดัมส์ | |
---|---|
เกิด | 10 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1955 รักบี วาร์วิคก์ไชร์ ประเทศอังกฤษ |
เสียชีวิต | 7 ตุลาคม ค.ศ. 2001 วาซาฮาชี รัฐเท็กซัส | (46 ปี)
ประวัติมวยปล้ำอาชีพ | |
ชื่อบนสังเวียน | "สุภาพบุรุษ" คริส อดัมส์ หน้ากากล้างแค้น |
ส่วนสูง | 6 ft 1 in (1.85 m) |
น้ำหนัก | 230 ปอนด์ (104 กิโลกรัม) (100 กก.) |
มาจาก | สแตรทฟอร์ด-อัพพอน-เอวอน วาร์วิคก์ไชร์ ประเทศอังกฤษ |
ฝึกหัดโดย | โทนี เซนต์ แคลร์, บิ๊กแดดดี้ |
เปิดตัว | มิถุนายน ค.ศ. 1978 |
รีไทร์ | มิถุนายน ค.ศ. 2001 |
ชีวิตในวัยเด็ก
แก้คริส อดัมส์ เกิดที่รักบี วาร์วิคก์ไชร์ โดยเป็นบุตรชายคนโตของไซริล และฌอง อดัมส์ เมื่อเริ่มมีอายุได้เก้าขวบ เขาได้เข้าไปมีส่วนพัวพันกับยูโด โดยได้ฝึกฝนศาสตร์ดังกล่าวด้วยตนเองเป็นระยะเวลาสิบสี่ปี เขาและน้องชายของเขาที่มีชื่อว่านีลได้ชนะการแข่งขันยูโดในระดับชาติและระดับโลก ซึ่งนีลยังเป็นผู้ชนะรางวัลเหรียญเงินทั้งในโอลิมปิกฤดูร้อน 1980 และโอลิมปิกฤดูร้อน 1984 ส่วนคริสก็เป็นสมาชิกทีมชาติอังกฤษในโอลิมปิกฤดูร้อน 1976 แต่ถึงกระนั้น เขาก็ไม่เคยเข้าแข่งขันกีฬาโอลิมปิก อดัมส์ได้รับสายดำยูโดและยังเป็นผู้เชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้แขนงอื่น นอกจากนี้ คริสยังเคยเข้าแข่งขันรักบี้, คริกเกต, ฟุตบอล และมวยปล้ำสมัครเล่น ตลอดจนนอกเหนือจากการกีฬา เขายังได้ศึกษาในด้านสถาปัตยกรรม[ต้องการอ้างอิง]
ชีวิตส่วนตัว
แก้ในยุคทศวรรษ 1980 อดัมส์ออกเดทกับฌอง คลาร์ก ที่มีส่วนร่วมในเอ็นดับเบิลยูเอในฐานะ "เลดี้บลอสซัม" จากช่วงปลายทศวรรษ 1970 ถึงประมาณ ค.ศ. 1984 แล้วพวกเขาก็มีลูกสาวด้วยกันชื่อเจด[5] ในภายหลัง เจดได้เป็นธิดาบุญธรรมของสตีฟ ออสติน ผู้ซึ่งเป็นสามีคนที่สองของคลาร์ก[6]
ในภายหลังอดัมส์ได้สมรสกับโทนี คอลลินส์ เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ค.ศ. 1984 ที่ฮาวาย พวกเขามีบุตรด้วยกันหนึ่งคนซึ่งมีชื่อว่าคริสโตเฟอร์จูเนียร์ และทั้งคู่ก็ได้หย่าร้างกันเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ. 1994[7] โทนีเสียชีวิต ณ วันที่ 24 มิถุนายน ค.ศ. 2010 เมื่อเธอมีอายุได้ 45 ปี[8]
อดัมส์ยังมีลูกสาวอีกคนชื่อจูเลียซึ่งเกิดใน ค.ศ. 1994 โดยแบรนดี ฟรีแมน เธอเข้าแข่งมวยปล้ำในฐานะ "มิสแบรนดี" โดยได้รับเชิญเล็กน้อยก่อนที่จะย้ายไปดับเบิลยูซีดับเบิลยู แล้วทั้งคู่ก็แยกทางกันในช่วงปลาย ค.ศ. 1999 ฟรีแมนเสียชีวิตใน ค.ศ. 2003 จากการรับยาเกินขนาด ส่งผลให้จูเลียตกอยู่ในสถานะกำพร้า
การแต่งงานครั้งที่สามของเขาเกิดขึ้นก่อนที่เขาจะเสียชีวิตเพียงหกสัปดาห์ เขาแต่งงานกับคาเรน เจ.เบิร์ก ในวันที่ 25 สิงหาคม ค.ศ. 2001 ที่ดัลลัส[9]
การเสียชีวิต
แก้ในเดือนเมษายน ค.ศ. 2000 อดัมส์และแฟนสาวสี่เดือนของเขาที่มีชื่อว่าลินดา คาเฟนส์ ได้รับการพบตัวในสภาพหมดสติที่อพาร์ทเมนท์ของเพื่อน ซึ่งพวกเขาได้ตกเป็นเหยื่อของการรับสารเสพติดเกินขนาดจากจีเอชบีรวมถึงสารแอลกอฮอล์ อดัมส์หายคืนเป็นปกติ แต่คาเฟนส์ได้เสียชีวิตที่โรงพยาบาลท้องถิ่นในช่วงเวลาสิบชั่วโมงต่อมา เป็นระยะเวลากว่าหนึ่งปีให้หลัง อดัมส์ได้รับการกล่าวหาในข้อหาฆาตกรรม แต่แล้วเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ค.ศ. 2001 ซึ่งเป็นช่วงของการรอพิจารณาคดี เขาถูกยิงที่หน้าอกจนบาดเจ็บสาหัสจากการทะเลาะวิวาทกับเพื่อนซึ่งมึนเมา โดยรู้จักกันในชื่อบูเรย์ หรือเบรนต์ พาร์เนลล์ ที่วาซาฮาชี รัฐเท็กซัส ในบ้านของเขาเอง[10] เจ้าของปืนอ้างว่าเป็นการป้องกันตนเองและได้พบว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ทุกข้อกล่าวหา[10]
ก่อนที่เขาจะเสียชีวิต อดัมส์ ผู้ซึ่งได้พิจารณาการกึ่งเกษียณ ได้วางแผนที่จะย้ายไปอยู่ที่ฟลอริดาอย่างถาวรและเข้าแข่งขันในองค์กรมวยปล้ำที่ซึ่งมีอดีตดาวเด่นแห่งดับเบิลยูซีดับเบิลยูและดับเบิลยูดับเบิลยูอี รวมถึงฮัลค์ โฮแกน อดัมส์ยังมีแผนที่จะสร้างสารคดีร่วมกับแกรี ฮาร์ท, บิล เมอร์เซอร์, มิกกี แกรนท์ และนักมวยปล้ำรายอื่นๆ ซึ่งจะมีการรวมภาพของมวยปล้ำย้อนหลังไปถึงช่วงทศวรรษที่ 1930 [ต้องการอ้างอิง]
สารคดีเกี่ยวกับอดัมส์ซึ่งมีชื่อว่า เดอะเจนเทิลแมนชอยส์ ได้รับการเปิดตัว ณ วันที่ 16 ธันวาคม ค.ศ. 2008 โดยมิกกี แกรนท์ ซึ่งเป็นอดีตโปรโมเตอร์ดับเบิลยูซีซีดับเบิลยู และมีการรวมบทสัมภาษณ์เด่นๆจากเพื่อนและครอบครัวของอดัมส์หลายราย ซึ่งได้แก่ นีลผู้เป็นน้องชาย, บิล เมอร์เซอร์, ผู้ตัดสินเดวิด แมนนิง, เควิน ฟอน เอริช, ฌอง คลาร์ก (ในรายการสารคดีเป็นจีนี อดัมส์), คาเรนซึ่งเป็นแม่หม้าย และแกรี ฮาร์ท ส่วนสแกนดอร์ อัคบาร์ และมาร์ค ลอว์เรนซ์ ต่างได้รับการทาบทามให้ช่วยทำสัมภาษณ์และเรื่องราวเกี่ยวกับอดัมส์ในสารคดี แต่ทั้งคู่ก็ได้ปฏิเสธที่จะมีส่วนร่วม[ต้องการอ้างอิง]
ใน ค.ศ. 2011 เจดซึ่งเป็นลูกสาวของอดัมส์ได้เปิดตัวเว็บไซต์ที่ระลึกถึงเพื่อเป็นเกียรติแก่พ่อของเธอ เคียงคู่กับคริสจูเนียร์ลูกชายของเขา และจูเลียซึ่งเป็นลูกสาวคนสุดท้อง
เชิงอรรถ
แก้- ↑ "The Life And Times Of Gentleman Chris Adams". THE NEW WAWLI (Wrestling As We Liked It) PAPERS No. 164-2001. สืบค้นเมื่อ 2007-06-13.
- ↑ Michael E. Young (2001-10-09). "Pro wrestler slain long after glory days: Chris Adams grappled with problems since '80s career heyday". Dallas Morning News. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-09-27. สืบค้นเมื่อ 2007-06-13.
{{cite web}}
: ไม่รู้จักพารามิเตอร์|coauthors=
ถูกละเว้น แนะนำ (|author=
) (help) - ↑ "Scott Hall Bio". Online World of Wrestling. สืบค้นเมื่อ 2007-06-18.
- ↑ "Steve Austin Bio". Online World of Wrestling. สืบค้นเมื่อ 2007-06-18.
- ↑ Stone Cold Steve Austin. The Stone Cold Truth (p.78)
- ↑ Stone Cold Steve Austin. The Stone Cold Truth (p.98)
- ↑ Texas Divorces, 1968-2002
- ↑ Brian Hoops (30 June 2010). "Toni Adams, former valet for Chris Adams, passes away". สืบค้นเมื่อ 6 July 2010.
- ↑ Texas Marriages
- ↑ 10.0 10.1 Stone Cold Steve Austin. The Stone Cold Truth (p.60)
อ้างอิง
แก้- Stone Cold Steve Austin and Jim Ross (2003). The Stone Cold Truth. Pocket Books. ISBN 0-7434-7720-0.
- Chris Adams. The ABC of Professional Wrestling.
- Chris Adams. Heroes of World Class Championship Wrestling (DVD).
- Chris Adams. The Gentleman's Choice (DVD). Creative Hat Productions.