กริสเตียน เอสตัวนิ

นักฟุตบอลชาวอุรุกวัย
(เปลี่ยนทางจาก คริสเตียน สตูอานี่)

กริสเตียน ริการ์โด เอสตัวนิ กูร์เบโล (สเปน: Cristhian Ricardo Stuani Curbelo; เกิดวันที่ 12 ตุลาคม ค.ศ. 1986) เป็นนักฟุตบอลอาชีพชาวอุรุกวัย ปัจจุบันลงเล่นในตำแหน่งกองหน้าให้กับฌิโรนา สโมสรในลาลิกา และทีมชาติอุรุกวัย

กริสเตียน เอสตัวนิ
เอสตัวนิขณะเล่นให้กับทีมชาติอุรุกวัยใน ฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อเต็ม กริสเตียน ริการ์โด เอสตัวนิ กูร์เบโล[1]
วันเกิด (1986-10-12) 12 ตุลาคม ค.ศ. 1986 (37 ปี)
สถานที่เกิด ตาลา, อุรุกวัย
ส่วนสูง 1.86 m (6 ft 1 in)
ตำแหน่ง กองหน้า
ข้อมูลสโมสร
สโมสรปัจจุบัน
ฌิโรนา
หมายเลข 7
สโมสรอาชีพ*
ปี ทีม ลงเล่น (ประตู)
2004–2007 ดานูบิโอ 36 (23)
2005เบยาบิสตา (ยืมตัว) 14 (12)
2008–2013 เรจจีนา 18 (1)
2009–2010อัลบาเซเต (ยืมตัว) 39 (22)
2010–2011เลบันเต (ยืมตัว) 30 (8)
2011–2012ราซินเดซันตันเดร์ (ยืมตัว) 32 (9)
2012–2013อัสปัญญ็อล (ยืมตัว) 32 (7)
2013–2015 อัสปัญญ็อล 71 (18)
2015–2017 มิดเดิลส์เบรอ 59 (11)
2017– ฌิโรนา 107 (71)
ทีมชาติ
2012– อุรุกวัย 50 (8)
* นัดที่ลงเล่นและประตูที่ยิงให้แก่สโมสรเฉพาะลีกในประเทศเท่านั้น ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 22 ธันวาคม ค.ศ. 2020
‡ ข้อมูลการลงเล่นและประตูให้แก่ทีมชาติล่าสุด ณ วันที่ 11 ธันวาคม ค.ศ. 2019

เขาเริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลกับสโมสรดานูบิโอ และย้ายไปเรจจีนาใน ค.ศ. 2008 และใช้เวลาค้าแข้งส่วนใหญ่ในประเทศสเปน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับอัสปัญญ็อล ต่อมาใน ค.ศ. 2015 เขาย้ายไปมิดเดิลส์เบรอ สโมสรในประเทศอังกฤษ ในปี ค.ศ. 2017 เอสตัวนิเซ็นสัญญากับฌิโรนา สโมสรที่ในขณะนั้นพึ่งเลื่อนชั้นมาเล่นในลาลิกาเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ โดยปัจจุบันเขาเป็นผู้ทำประตูสูงสุดให้กับสโมสรตลอดกาล

เอสตัวนิลงเล่นให้กับทีมชาติอุรุกวัยครั้งแรกใน ค.ศ. 2012 และได้ติดทีมชาติชุดแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 และ ฟุตบอลโลก 2018 รวมถึงโกปาอาเมริกาอีกสองครั้ง นอกจากนี้ เขายังถือหนังสือเดินทางอิตาลี[2]

สโมสรอาขีพ แก้

ดานูบิโอ แก้

เอสตัวนิ เกิดใน ตาลา, กาเนโลเนส เอสตัวนิ เริ่มการลงเล่นฟุตบอลอาชีพครั้งแรกกับ ดานูบิโอ ในปี ค.ศ. 2005 เขาได้ถูกยืมตัวไปยังทีม เบยาวิสตา ในปริเมราดิบิซิออนเดอูรูกวย โดยเขาทำผลงานได้ดีจนถูกเรียกกลับสู่ทีมดานูบิโอ

เรจจินา แก้

ในเดือนมกราคม ปี ค.ศ. 2008 หลังจากเอสตัวนิทำ 19 ประตูให้กับ ดานูบิโอ ในช่วงครึ่งฤดูกาล 2007–08 เอสตัวนิ ได้รับย้ายเข้าร่วมทีม เรจจินา กัลโซ สโมสรในลีกสูงสุดของอิตาลี โดยเซ็นสัญญากันทั้งสิ้น 4 ปี[3] เขาได้ลงเล่นเป็นนัดแรกในวันที่ 12 มกราคม ในการออกไปเยือน เอมโปลี โดยได้ลงเล่น 30 นาที โดยจบลงที่ผลเสมอกันด้วยคะแนน 1–1 [4]

เอสตัวนิ ทำประตูไม่ได้เลยในฤดูกาลแรกของเขาในเซเรียอา เขาได้ลงเล่น 12 นัดและช่วยให้ทีมรอดตกชั้น ในฤดูกาลถัดมา เอสตัวนิ ทำได้เพียงประตูเดียวจากการยิงลูกโทษ ในเกมสุดท้ายของฤดูกาลกับเซียา[5]

ในวันที่ 31 กรกฎาคม ค.ศ. 2009 เขาได้ถูกปล่อยยืมตัวไปยังทีม อาบาเซเด ทีมในเซกุนดาดิบิซิออนสเปน เขาลงเล่น 39 นัดตลอดฤดูกาลและทำ 22 ประตูเขายังทำแฮตทริกได้อีก 2 ครั้งในเกมลีกกับ กัสเตยอน[6] และกอร์โดบา[7] ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นผู้ทำประตูสูงสุดลำดับที่สองของลีก รองจากโฆเฆ โมลินา กองหน้าของเอลเชเพียวคนเดียว แต่ทีมของเขากลับมีคะแนนมากกว่าโซนตกชั้นเพียงแค่ 2 คะแนนเท่านั้น[8]

อัสปัญญ็อล แก้

หลังจากเรจจินา ปล่อยยืมตัวเขาไปสโมสรอื่นถึง 3 ปี ในช่วงตลาดหน้าร้อนปี ค.ศ. 2012 เอสตัวนิได้ย้ายเข้าร่วมทีม อัสปัญญ็อล ด้วยสัญญา 4 ปี[9]

ในวันที่ 25 สิงหาคม ค.ศ. 2012 เอสตัวนิได้ลงเล่นนัดแรกในเกมกับเรอัลซาราโกซา เขายังทำหนึ่งประตูได้อีกด้วย ช่วยให้ทีมขึ้นนำ 1–0 ก่อนที่จะโดนแซงชนะไป 1–2 ที่เอสตาดีกูร์เนยา-เอลปรัต

ในฤดูกาลสุดท้ายของเขาเอสตัวนิเป็นผู้ทำประตูสูงสุดลำดับ 2 ของทีมที่ 15 ประตูซึ่งมีเพียงเซร์คิโอ การ์เซีย ที่มากกว่าเขาที่ 19 ประตู

มิดเดิลส์เบรอ แก้

ในวันที่ 5 กรกฎาคม ค.ศ. 2015 มิดเดิลส์เบรอ ได้บรรลุข้อตกลงในการซื้อตัว เอสตัวนิ โดยมีค่าตัวอยู๋ที่ 3 ล้านยูโร[10][11] เขาได้ลงเล่นในลีกครั้งแรกในวันที่ 9 สิงหาคมในเกมที่ออกไปเยือนเพรสตันนอร์ทเอนด์ ที่ดีปเดล จากการเป็นตัวสำรองลงมาแทนที่ กีเก ในนาทีที่ 77 โดยผลจบลงที่การเสมอ 0–0[12] ในอีก 3 วันต่อมาเอสตัวนิได้ลงเล่นใน ฟุตบอลลีกคัพ รอบแรก พบกับ โอลดัมแอทเลติก ที่บอนด์เดรี พาร์ค โดยเขาทำประตูแรกให้กับสโมสรได้ในเกมนี้ ช่วยให้ต้นสังกัดของเขาเอาชนะไป 3–1[13] ในวันที่ 25 สิงหาคม ในฟุตบอลลีกคัพ รอบที่สอง ซึ่งทีมของเขาออกไปเยือน เบอร์ตันอัลเบียน เอสตัวนิ สามารถทำประตูตีเสมอเป็น 1–1 ได้ใน 90 นาทีก่อนที่ในช่วงต่อเวลาพิเศษ เขายังทำเพิ่มได้อีก 1 ประตูช่วยให้ทีมเอาชนะด้วยผลคะแนน 1–2[14]

เอสตัวนิ ทำประตูแรกในลีกได้เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม ค.ศ. 2015 ในเกมที่เอาชนะ เชฟฟีลด์เวนส์เดย์ 1–3 เป็นประตูสุดท้ายในนาทีที่ 86[15]

ในวันที่ 28 ธันวาคม ค.ศ. 2015 เอสตัวนิ ทำประตูได้จากการเปิดบอลมาของ สจวร์ต ดาวนิง ในวินาทีที่ 41 เป็นประตูเดียวในเกมกับ เชฟฟีลด์เวนส์เดย์ ซึ่งเกมนั้นทำให้ มิดเดิลส์เบรอ ขึ้นสู่ลำดับสูงสุดบนตารางคะแนน[16] หลังจากนัดนั้นทีมของเขาก็คงอันดับต้น ๆ ของตารางตั้งแต่นั้นมาใน ในนัดสุดท้ายของฤดูกาล ในวันที่ 7 พฤษภาคม เขาได้ลงเล่นในเกมที่เอาชนะ ไบรตันแอนด์โฮฟอัลเบียน ซึ่งนั่นทำให้ มิดเดิลส์เบรอ เลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ[17]

ในวันที่ 21 สิงหาคม ค.ศ. 2016 เอสตัวนิทำประตูแรกในพรีเมียร์ลีก ได้ในเกมกับ ซันเดอร์แลนด์ ช่วยให้ทีมเอาชนะไป 2–1 ที่สนามสเตเดียมออฟไลต์[18]

ฌิโรนา แก้

ในวันที่ 21 กรกฎาคม ค.ศ. 2017 เอสตัวนิ ย้ายเข้าร่วมทีม ฌิโรนา สโมสรในสเปนที่พึ่งเลื่อนชั้นมาในลีกสูงสุดเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร โดยไม่เปิดเผยค่าตัว[19] เขาลงเล่นให้กับสโมสรเป็นครั้งแรกในวันที่ 19 สิงหาคม ซึ่งเปิดสนามเอสตาดี มอนตีลีบีพบกับ อัตเลติโกมาดริด และยังทำ 2 ประตูในเกมนี้ โดยผลจบลงที่เสมอกัน 2–2[20]

เอสตัวนิ ลงเล่นไป 33 นัดในลีก ในฤดูกาลแรกกับฌิโรนา และเป็นผู้ทำประตูสูงสุดเป็นลำดับที่ 5 ในลีก จากการยิง 21 ประตู ช่วยให้ทีมจบอับดับที่ 10 บนตารางคะแนนลาลิกา[21], ในวันที่ 10 มีนาคม ค.ศ. 2019 เอสตัวนิทำได้หนึ่งประตูในเกที่พบกับบาเลนเซีย ซึ่งเป็นประตูที่ 38 ให้กับฌิโรนานั่นทำให้เขาเป็นนักเตะที่ทำประตูได้มากที่สุดตลอดกาลของสโมสร ทำลายสถิติของฆันโดร ถึงแม้ว่าเอสตัวนิจะทำประตูถึง 19 ลูกตลอดฤดูกาล แต่ฌิโรนาต้องตกชั้นลงในนัดสุดท้ายของฤดูกาล[22][23]

หลังจากนั้น มีหลายสโมสรที่สนใจตัว เอสตัวนิ รวมถึงแชมป์ลีกอย่างบาร์เซโลนา[24][25] อย่างไรก็ตาม ในที่สุดตัวเขาได้เซ็นขยายสัญญากับฌิโรนาออกไปจนถึง ค.ศ. 2023[26] เขาลงเล่นในเซกุนดาดิบิซิออนสามฤดูกาล ก่อนช่วยให้ฌิโรนากลับขึ้นสู่ลาลิกาอีกครั้งในฤดูกาล 2021–22 หลังช่วยให้ทีมจบลำดับที่หกในลีก ซึ่งเป็นอันดับที่ทำให้ได้ลงเล่นในรอบเพลย์ออฟเลื่อนชั้น ซึ่งในรอบชิงชนะเลิศนัดที่สองกับเตเนริเฟ ซึ่งออกไปเยือนที่ซานตากรุซเดเตเนริเฟ เขาทำประตูแรกของนัดจากการยิงลูกโทษช่วยให้ทีมเอาชนะ 1–3 หลังเสมอกันในนัดแรก 0–0 ทำให้ฌิโรนากลับสู่ลาลิกาอีกครั้ง[27]

ทีมชาติ แก้

 
เอสตัวนิ (เสื้อสีฟ้า) ในนัดที่พบกับออสเตรีย ค.ศ. 2014

เอสตัวนิลงเล่นทีมชาติครั้งแรกเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน ค.ศ. 2012 ในนัดกระชับมิตรที่บุกไปชนะโปแลนด์ 3–1 ต่อมาวันที่ 10 กันยายน ค.ศ. 2013 เขาทำประตูแรกในนามทีมชาติได้ ในนัดที่เอาชนะโคลอมเบีย 2–0 ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 รอบคัดเลือก ที่ประเทศอุรุกวัย[28], ในวันที่ 13 พฤศจิกายน ค.ศ. 2013 เขาทำประตูได้ในการแข่งขันรอบเพลย์ออฟระหว่างประเทศของฟุตบอลโลก 2014 รอบคัดเลือก พบกับ จอร์แดน นัดแรก ที่อัมมานอินเตอร์เนชันแนลสเตเดียม ซึ่งทีมของเขาเอาชนะด้วยผลคะแนน 5–0 ซึ่งทำให้อุรุกวัยผ่านเข้าไปเล่นในฟุตบอลโลก 2014 รอบสุดท้าย[29]

ผู้จัดการทีมชาติอุรุกวัย โอสการ์ ตาบาเรซ เลือกเอสตัวนินิติดทีมชาติในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 รอบสุดท้าย ที่ประเทศบราซิล[30]เขาทำประตูในนัดกระชับมิตรก่อนจะแข่งขันฟุตบอลโลกในวันที่ 31 พฤษภาคม ค.ศ. 2014 ซึ่งพบกับไอร์แลนด์เหนือ หลังจากลงมาเล่นแทน ดิเอโก ฟอร์ลัน[31] และยังทำได้ 1 ประตูได้ในเกมที่พบกับสโลวีเนีย[32] เขาได้รับโอกาสลงเล่นในนัดแรกของฟุตบอลโลก 2014 เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน ซึ่งแพ้ให้กับคอสตาริกา ไป 1–3[33] ตลอดการแข่งขันเขาทำประตูไม่ได้ และอุรุกวัยตกรอบในรอบ 16 ทีมสุดท้าย

ในปีต่อมา เอสตัวนิ มีชื่อติดทีมโกปาอาเมริกา 2015 ที่ชิลี เอสตัวนิได้ลงเล่นจากการถูกเปลี่ยนตัวลงมาใน 2 นัด ในรอบแบ่งกลุ่ม ที่พบกับ ปารากวัย และ จาเมกา โดยอุรุกวัยตกรอบในรอบก่อนรองชนะเลิศ

เอสตัวนิ มีชื่อติดทีม 23 คนสุดท้ายของทีมชาติอุรุกวัย เพื่อแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ที่ รัสเซีย ตัวเขาได้ลงเล่นนัดแรก ในวันที่ 30 มิถุนายน ในเกมที่เอาชนะ โปรตุเกส 2–1 ใน รอบ 16 ทีมสุดท้ายจากการถูกเปลี่ยนตัวลงมาแทนที่ของ เอดินซอน กาบานิ ผู้ทำประตูทั้งสอง, ในนัดถัดมาในรอบก่อนรองชนะเลิศ กับฝรั่งเศส เอสตัวนิได้รับโอกาสเป็นตัวจริง แต่เขามีอาการบาดเจ็บและถูกเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 59 ซึ่งสุดท้ายอุรุกวัยแพ้ไป 2–1 ทำให้ตกรอบไปในที่สุด

ประตูในนามทีมชาติ แก้

ณ วันที่ 25 มีนาคม ค.ศ. 2019
ลำดับ วันที่ สนาม คู่แข่ง สกอร์ ผล การแข่งขัน
1. 10 กันยายน ค.ศ. 2013 เซนเตนาริโอ, มอนเตวิเดโอ, อุรุกวัย   โคลอมเบีย 2–0 2–0 ฟุตบอลโลก 2014 รอบคัดเลือก
2. 13 พฤศจิกายน ค.ศ. 2013 อัมมานอินเตอร์เนชันแนลสเตเดียม, อัมมาน, จอร์แดน   จอร์แดน 2–0 5–0 ฟุตบอลโลก 2014 รอบคัดเลือก
3. 31 พฤษภาคม ค.ศ. 2014 เซนเตนาริโอ, มอนเตวิเดโอ, อุรุกวัย   ไอร์แลนด์เหนือ 1–0 1–0 กระชับมิตร
4. 5 มิถุนายน ค.ศ. 2014 เซนเตนาริโอ, มอนเตวิเดโอ, อุรุกวัย   สโลวีเนีย 2–0 2–0 กระชับมิตร
5. 5 กันยายน ค.ศ. 2015 รอมเมล เฟอร์นานเดซ, ปานามาซิตี, ปานามา   ปานามา 1–0 1–0 กระชับมิตร
6. 22 มีนาคม ค.ศ. 2019 กว่างสีสปอร์ตเซ็นเตอร์, หนานนิง, จีน   อุซเบกิสถาน 2–0 3–0 ไชน่าคัพ 2019
7. 3–0
8. 25 มีนาคม ค.ศ. 2019   ไทย 3–0 4–0

เกียรติประวัติ แก้

ดานูบิโอ

อ้างอิง แก้

  1. "2014 FIFA World Cup List of Players" (PDF). FIFA. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2017-01-15. สืบค้นเมื่อ 29 December 2015.
  2. El Espanyol ficha al delantero uruguayo Christian [sic] Stuani (Espanyol sign Uruguayan forward Christian Stuani); Mundo Deportivo, 28 August 2012 (in Spanish)
  3. "Una máquina de ganar" [A winning machine] (ภาษาสเปน). ESPN. 28 December 2007. สืบค้นเมื่อ 3 April 2018.
  4. "Saudati dal dischetto grazia la Reggina – l'Empoli deve accontentarsi del pari" [Saudati grace Reggina from the spot – Empoli must be happy with draw]. La Repubblica (ภาษาอิตาลี). 12 January 2008. สืบค้นเมื่อ 25 November 2017.
  5. "Big Mac risponde a Stuani, 1–1 a Reggio" [Big Mac answers Stuani, 1–1 in Reggio]. La Repubblica (ภาษาอิตาลี). 31 May 2009. สืบค้นเมื่อ 2 April 2014.
  6. "El Albacete golea con un Stuani estelar y rompe la armonía del Castellón" [Albacete rout with stellar Stuani and shatter Castellón's harmony]. Marca (ภาษาสเปน). 12 September 2009. สืบค้นเมื่อ 2 April 2014.
  7. "Trío de goles de Stuani para dar vida al Albacete" [Trio of Stuani goals to give life to Albacete]. Diario de Cádiz (ภาษาสเปน). 23 May 2010. สืบค้นเมื่อ 2 April 2014.
  8. "El Albacete se salva a lo grande" [Albacete save themselves in style]. Marca (ภาษาสเปน). 19 June 2010. สืบค้นเมื่อ 2 April 2014.
  9. "Stuani ya es jugador del Espanyol" [Stuani is already an Espanyol player]. Sport (ภาษาสเปน). 29 August 2012. สืบค้นเมื่อ 21 June 2018.
  10. "Principi d'acord per la sortida d'Stuani" [Agreement in principle for the departure of Stuani] (ภาษาคาตาลัน). RCD Espanyol. 15 July 2015. สืบค้นเมื่อ 15 July 2015.
  11. "Cristhian Stuani: Espanyol striker set to join Middlesbrough". BBC Sport. 16 July 2015. สืบค้นเมื่อ 24 July 2015.
  12. Aloia, Andrew (9 August 2015). "Preston North End 0–0 Middlesbrough". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 13 August 2015.
  13. "Oldham Athletic 1–3 Middlesbrough". BBC Sport. 12 August 2015. สืบค้นเมื่อ 13 August 2015.
  14. "Burton Albion 1–2 Middlesbrough". BBC Sport. 25 August 2015. สืบค้นเมื่อ 25 August 2015.
  15. "Sheffield Wednesday 1–3 Middlesbrough". BBC Sport. 29 August 2015. สืบค้นเมื่อ 29 August 2015.
  16. "Middlesbrough 1–0 Sheffield Wednesday: Boro return to top of the Championship thanks to Christian [sic] Stuani goal". Daily Mail. 28 December 2015. สืบค้นเมื่อ 29 December 2015.
  17. "Middlesbrough strike it rich with Premier League promotion". The Express Tribune. 7 May 2016. สืบค้นเมื่อ 8 May 2016.
  18. "Sunderland 1 – Middlesbrough 2: Moyes doesn't blame fans for relegation thoughts". Daily Express. 21 August 2016. สืบค้นเมื่อ 21 August 2016.
  19. "Cristhian Stuani makes move to La Liga". Middlesbrough F.C. 21 July 2017. สืบค้นเมื่อ 21 July 2017.
  20. made his debut for the club on 19 Augustor/futbol/2017_18/la-liga/jornada_1/ger_atm/ "El ADN del Atlético no se ficha" [Atlético's DNA does not work]. Marca (ภาษาสเปน). 19 August 2017. สืบค้นเมื่อ 19 August 2017. {{cite news}}: ตรวจสอบค่า |url= (help)
  21. "El gol en Girona se apellida Stuani" [Goal is named Stuani in Girona]. Sport (ภาษาสเปน). 20 May 2018. สืบค้นเมื่อ 4 June 2018.
  22. Lowe, Sid (13 May 2019). "Twists, turns and tears for Girona on day of drama in La Liga survival fight". The Guardian. สืบค้นเมื่อ 8 September 2019.
  23. "Girona FC relegated to second division on final day of the season". Catalan News Agency. 19 May 2019. สืบค้นเมื่อ 8 September 2019.
  24. "Report: Barcelona weigh Stuani move". beIN Sports. 8 June 2019. สืบค้นเมื่อ 8 September 2019.
  25. Rojo, Luis Fernando; Winterburn, Chris (29 May 2019). "Rodrigo Moreno and Stuani emerge as Barcelona targets". Marca. สืบค้นเมื่อ 8 September 2019.
  26. "El Girona FC segella la continuïtat de Stuani" [Girona FC seal continuity of Stuani] (ภาษาคาตาลัน). Girona FC. 29 August 2019. สืบค้นเมื่อ 9 September 2019.
  27. "Girona FC secure their LaLiga Santander return!" (ภาษาอังกฤษ). Laliga Santander. 20 June 2022. สืบค้นเมื่อ 18 August 2022.
  28. Uruguay 2–0 Colombia: Cavani y Stuani se toman un café (Uruguay 2–0 Colombia: Cavani and Stuani have a coffee) เก็บถาวร 2018-06-22 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน; Goal.com, 11 September 2013 (in Spanish)
  29. "FIFA World Cup Play-Off: Jordan 0 Uruguay 5". FourFourTwo. 13 November 2013. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-06-06. สืบค้นเมื่อ 31 May 2014.
  30. "Uruguay World Cup 2014 squad". The Daily Telegraph. 2 June 2014. สืบค้นเมื่อ 24 June 2014.
  31. Jackson, Lyle (31 May 2014). "Uruguay 1–0 Northern Ireland". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 31 May 2014.
  32. "Edinson Cavani inspires Uruguay to victory over Slovenia". The Guardian. 5 June 2014. สืบค้นเมื่อ 5 June 2014.
  33. Smith, Ben (14 June 2014). "Uruguay 1–3 Costa Rica". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 23 June 2014.

แหล่งข้อมูลอื่น แก้