คริสตี แพทริเชีย แรมโพนี (อังกฤษ: Christie Patricia Rampone; 24 มิถุนายน ค.ศ. 1975 – ) เป็นนักฟุตบอลชาวอเมริกัน ซึ่งเธอเล่นในตำแหน่งกองหลัง และปัจจุบันเป็นกัปตันของฟุตบอลหญิงทีมชาติสหรัฐอเมริกา เธอเล่นในฟุตบอลโลกหญิงรอบชิงชนะเลิศมาแล้ว 4 สมัย รวมถึงฟุตบอลโอลิมปิกหญิง 4 สมัย เธอเป็นแชมป์โลกจากฟุตบอลโลกหญิง 1999 และเป็นผู้ชนะเหรียญทองสามสมัย ในโอลิมปิกฤดูร้อน 2004, 2008 และ 2012 เธอชนะไม่ต่ำกว่าอันดับสามทั้งในฟุตบอลโลกและโอลิมปิกแต่ละครั้งที่เธอได้ร่วมแข่งขันมา

คริสตี แรมโพนี
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อเต็ม คริสตี แพทริเชีย แรมโพนี
ส่วนสูง 5 ft 6 in (1.68 m)
ตำแหน่ง กองหลัง / เซ็นเตอร์แบ็ค
ข้อมูลสโมสร
สโมสรปัจจุบัน
ไร้สังกัด
สโมสรเยาวชน
ค.ศ. 1993–1996 มอนเมาธ์ฮอว์ค
สโมสรอาชีพ*
ปี ทีม ลงเล่น (ประตู)
ค.ศ. 1997 เซ็นทรัลเจอร์ซีย์สแปลช
ค.ศ. 1998 นิวเจอร์ซีย์เลดีสเตเลียนส์
ค.ศ. 2001–2003 นิวยอร์กพาวเวอร์ 55 (0)
ค.ศ. 2009–2010 สกายบลูเอฟซี 30 (0)
ค.ศ. 2011 เมจิกแจ็ก 11 (0)
ทีมชาติ
ค.ศ. 1997– สหรัฐอเมริกา 271 (4)
จัดการทีม
ค.ศ. 2009 สกายบลูเอฟซี (ผู้เล่นชั่วคราว/ผู้จัดการ)
*นัดที่ลงเล่นและประตูที่ยิงให้แก่สโมสรเฉพาะลีกในประเทศเท่านั้น
ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 03:23, 22 ตุลาคม ค.ศ. 2009 (เวลาสากลเชิงพิกัด)
‡ ข้อมูลการลงเล่นและประตูให้แก่ทีมชาติล่าสุด
ณ วันที่ 23 ตุลาคม ค.ศ. 2012

แรมโพนีเล่นในดับเบิลยู-ลีก ตั้งแต่ ค.ศ. 1997 จนถึง ค.ศ. 1998 เธอเล่นในสองลีกตลอดช่วงระยะเวลาที่สร้างผลงานใน ค.ศ. 2001 ถึง 2003 ในลีกสมาคมฟุตบอลหญิงสหรัฐ และ ค.ศ. 2009 ถึง 2011 ในลีกฟุตบอลอาชีพหญิง โดยใน ค.ศ. 2009 ขณะเล่นให้กับสโมสรสกายบลูเอฟซี เธอได้ทำหน้าที่เป็นผู้ฝึกสอนให้แก่สโมสรไปพร้อมกันโดยได้ชนะการแข่งขันฟุตบอลอาชีพหญิงรอบเพลย์ออฟ 2009 และได้รับรางวัลนักฟุตบอลอาชีพหญิงแห่งปี

เมื่ออายุ 37 ปี เธอได้เป็นมารดาของเด็กสองคน ซึ่งแรมโพนีไม่มีสัญญาณบอกถึงการชะลอตัว ทั้งยังไม่ได้ประกาศการอำลาวงการแต่อย่างใด[1]

ในสายอาชีพระดับสากล แก้

 
คริสตี (ในชุดเหลือง) แย่งบอลจากเพื่อนร่วมทีม เอมี เลอปีลเบ ในช่วงการฝึกซ้อมวันที่ 30 มิถุนายน ค.ศ. 2011 ใน ไฮเดลเบิร์ก ประเทศเยอรมนี

คริสตี แรมโพนี เป็นตัวแทนของสหรัฐอเมริกาในฟุตบอลโลกหญิง 1999, 2003, 2007 และ 2011 รอบไฟนอล และโอลิมปิกฤดูร้อน 2000, 2004, 2008 และ 2012

หลังจากการฝึกร่วมกับฟุตบอลหญิงทีมชาติสหรัฐอเมริกาช่วงปีที่สี่ของเธอที่มอนเมาธ์ แรมโพนีได้เปลี่ยนไปเล่นในตำแหน่งกองหลัง ซึ่งเกมแรกของแรมโพนีคือวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1997 โดยได้พบกับทีมออสเตรเลีย เธอทำประตูให้แก่ทีมชาติของเธอครั้งแรกในวันที่ 2 พฤษภาคม ค.ศ. 1997 ในนัดที่แข่งขันกับเกาหลีใต้ แรมโพนีเริ่มเกม 16/18 ในฤดูกาลแรกของเธอ และจบลงด้วยสองประตูกับการร่วมสมทบสามครั้ง[2] ปีถัดมา แรมโพนีได้ช่วยให้ทีมของเธอไร้พ่ายในฤดูกาลแรก และนำทีมสหรัฐอเมริกาเข้ารับเหรียญทองในการแข่งขันกูดวิลเกมส์ 1998 โดยเริ่มในการแข่งขันทั้งสองแมตช์

แรมโพนีเข้าเล่น 2,540 นาทีให้แก่ทีมชาติใน ค.ศ. 2000 รวมถึงห้าเกมในโอลิมปิกฤดูร้อน 2000 ที่ซิดนีย์ ที่ซึ่งทีมดังกล่าวก็ได้รับรางวัลเหรียญเงิน ใน ค.ศ. 2001 แรมโพนีประสบเหตุเอ็นไขว้หน้าฉีก และพลาดการเข้าร่วมทีมชาติจำกัดในฤดูกาลเป็นส่วนใหญ่ แรมโพนีได้กลับมาร่วมทีมที่ค่ายฝึกสองครั้งใน ค.ศ. 2002 แต่ก็ได้มุ่งเน้นไปยังการฟื้นตัวการผ่าตัดของเธอ ใน ค.ศ. 2003 เธอได้เริ่มต้นเกมทีมชาติ 15/17 และฟุตบอลโลกหญิงสี่แมตช์ที่ซึ่งนำพาทีมของเธอเข้ารับรางวัลเหรียญทองแดง

ในเอเธนส์โอลิมปิก 2004 เธอได้ช่วยสหรัฐอเมริกาคว้าเหรียญทองภายหลังจากชนะบราซิลในโอลิมปิกรอบไฟนอลร่วมกับเพื่อนรุ่นอาวุโสของเธอที่มีอยู่เพียงไม่กี่ราย ซึ่งได้แก่ เมีย แฮม, แบรนดี เชสเตน และจูลี เฟาดี ในปีเดียวกันนี้แรมโพนีได้เป็นตัวรับยอดเยี่ยมอันดับห้าแห่งประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา[3]

แรมโพนีกลับมาร่วมทีมอีกครั้งใน ค.ศ. 2006 หลังจากหยุดในฤดูกาล 2005 ที่ซึ่งเธอมีลูกคนแรก ใน ค.ศ. 2006 คริสตีกลับมาร่วมทีมเพียง 112 วันหลังคลอดในการแข่งขันฟุตบอลหญิงสี่ประเทศของจีน ค.ศ. 2007 เป็นปีที่แรมโพนีมีความคึกคักมากที่สุด โดยเริ่มใน 20 เกมที่ซึ่งเธอได้เล่นและเธอได้เป็นตัวรับมากที่สุดรวมถึงเป็นตัวรับอันดับสองที่เล่นในฟุตบอลโลกหญิง 2007 แล้วเธอก็ได้เริ่มแข่งขันในฟุตบอลโลกทั้งหกครั้ง

ใน ค.ศ. 2008 แรมโพนีได้รับการกำหนดให้เป็นกัปตัน[4] ของทีมชาติหญิง และนำทีมสหรัฐอเมริกาเข้ารับรางวัลเหรียญทองอีกครั้ง เธอได้เข้าร่วมทีมชาติเป็นครั้งที่ 200 ในการแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อน 2008 เนื่องด้วยการอำลาวงการของเพื่อนร่วมทีมชื่อ คริสทีน ลิลลี ใน ค.ศ. 2010 แรมโพนีก็ได้กลายเป็นผู้เล่นทีมชาติที่ยังคงมีผลงานมากที่สุดในโลก และเป็นอันดับสี่ของผู้เล่นให้แก่ทีมชาติเป็นจำนวนครั้งมากที่สุดตลอดกาลด้วยจำนวน 271 ครั้ง ถัดจากลิลลี, แฮม และจูลี เฟาดี

แรมโพนีทำหน้าที่เป็นกัปตันให้แก่ทีมสหรัฐอเมริกาซึ่งได้อันดับสองในการแข่งขันฟุตบอลโลกหญิง 2011 โดยเป็นฝ่ายแพ้ญี่ปุ่น 1–3 ในการดวลกันที่จุดโทษ เนื่องด้วยเสมอกัน 2–2 ในช่วงก่อนหน้าก่อนที่จะมีการต่อเวลาพิเศษ เธอใช้เวลาในการเล่นรวม 600 นาทีในทั้ง 6 แมตช์ที่สหรัฐอเมริกาเข้าแข่งขัน[5]

ในลอนดอนโอลิมปิก 2012 แรมโพนีทำหน้าที่เป็นกัปตันทีมสหรัฐอเมริกาที่ซึ่งเป็นฝ่ายชนะทีมญี่ปุ่น 2–1 ประตูในรอบไฟนอล โดยได้รับรางวัลเหรียญทอง ซึ่งเธอใช้เวลาในการเล่นทั้งหมด 570 นาทีในการแข่ง 6 นัด รวมทั้งเป็นผู้จ่ายบอลทำประตู 1 ลูก[6] และทีมสหรัฐอเมริกาชนะได้ทั้งหกแมตช์ในการแข่งขันลอนดอนโอลิมปิก รวมทั้งไม่ให้ทำประตูใน 3 เกม

ชีวิตส่วนตัว แก้

คริสตีแต่งงานกับคริส แรมโพนี ในวันที่ 9 พฤศจิกายน ค.ศ. 2001 ที่เจอร์ซีย์ซิตี รัฐนิวเจอร์ซีย์ และปัจจุบันพวกเขามีลูกสาวสองคน ได้แก่ ไรลีย์ เคท เกิดเมื่อวันที่ 29 กันยายน ค.ศ. 2005 และ รีซ อลิซาเบธ เกิดเมื่อวันที่ 6 มีนาคม ค.ศ. 2010 [7]

ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2011 คริสตีได้เปิดเผยว่า เธอเป็นโรคลายม์[8]

อ้างอิง แก้

  1. "Christie Rampone rethinks retirement". ESPN. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-07-15. สืบค้นเมื่อ 2012-11-28.
  2. "Christie Pearce Rampone Profile". Soccer Times. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-12-25. สืบค้นเมื่อ 2012-11-28.
  3. "PearceRampone Christie - Women's Sports Foundation". WomensSportsFoundation.org. 29 September 2005. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-06-20. สืบค้นเมื่อ 7 November 2010.
  4. "Meet Your New Captain, USA".
  5. "Previous Tournament: FIFA Women's World Cup Germany 2011: USA". FIFA. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-06-08. สืบค้นเมื่อ 2012-11-28.
  6. "Women's Olympic Football Tournament London 2012: USA – Statistics". FIFA. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-01-14. สืบค้นเมื่อ 2012-11-28.
  7. Sky Blue FC. "Congratulations to Christie Rampone!". WomensProSoccer.com. สืบค้นเมื่อ 7 November 2010.[ลิงก์เสีย]
  8. "Rampone adds a special story to U.S. women's World Cup quest". CNN. 16 July 2011.

แหล่งข้อมูลอื่น แก้