คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (อังกฤษ: Faculty of Political Science, Chulalongkorn University) เป็นส่วนราชการไทยระดับคณะวิชา สังกัดจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (เดิม: สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ) ถือได้ว่าเป็นคณะวิชาที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ เป็นคณะรัฐศาสตร์แห่งแรกของประเทศไทย และเป็น 1 ใน 4 คณะแรกตั้งของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดทำการเรียนการสอนทั้งในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก อีกทั้งยังเป็นคณะที่ได้รับการเลือกเข้าศึกษาจากผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดจากการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีด้วยระบบ Admission ถึง 4 ปีซ้อน (พ.ศ. 2553 – 2556)[1]
Faculty of Political Science, Chulalongkorn University | |
สถาปนา | 30 มีนาคม พ.ศ. 2442 (ก่อตั้งครั้งแรก) 18 สิงหาคม พ.ศ. 2491 (ก่อตั้งใหม่) |
---|---|
สังกัดการศึกษา | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
คณบดี | รศ.ดร.ปกรณ์ ศิริประกอบ |
ที่อยู่ | |
สี | สีดำ |
มาสคอต | สิงห์ดำ |
เว็บไซต์ | www |
ประวัติ
แก้คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นับว่าเป็นสถาบันการศึกษาที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย และเป็นคณะที่มีการเรียนการสอนวิชารัฐศาสตร์เป็นแห่งแรก หากเริ่มนับตั้งแต่เวลาก่อตั้งสมัยเริ่มแรก เมื่อ พ.ศ. 2442 จนถึงปัจจุบัน สถาบันแห่งนี้มีอายุยาวนานถึง 123 ปี (พ.ศ. 2565)
คณะรัฐศาสตร์เริ่มก่อตั้งขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2442 (ร.ศ. 118) โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เริ่มจัดตั้งสถาบันการศึกษาแห่งนี้ขึ้นโดยพระราชทานนามว่า "โรงเรียนสำหรับฝึกหัดวิชาข้าราชการฝ่ายพลเรือน" โดยรับจากนักเรียนที่สอบผ่าน "ประโยคนักเรียน" มาแล้ว เข้าศึกษา "ประโยควิชา" ต่อเมื่อเรียนจบ "ประโยควิชา" แล้วจึงจะได้รับประกาศนียบัตรของโรงเรียน แล้วต้องออกฝึกราชการตามกระทรวงต่างๆ เพื่อสอบ "ประโยคฝึกหัด" ในขั้นสุดท้าย จึงจะถือว่านักเรียนผู้นั้นสำเร็จวิชาจากสถานศึกษาข้าราชการพลเรือนโดยสมบูรณ์ โรงเรียนนี้ได้เจริญขึ้นเป็นลำดับต่อมาจึงทรงพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้นักเรียนในโรงเรียนนี้ถวายตัวเป็นมหาดเล็ก มีตำแหน่งเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทโดยใกล้ชิดและเข้าที่สมาคมในราชการให้มีความคุ้นเคยอีกด้วย
ในปี พ.ศ. 2445 (ร.ศ. 121) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเปลี่ยนนามโรงเรียนสำหรับฝึกหัดวิชาข้าราชการฝ่ายพลเรือนเป็น "โรงเรียนมหาดเล็ก" โดยที่ทรงพระราชดำริเห็นว่า นักเรียนโรงเรียนนี้ถวายตัวเป็นมหาดเล็กทั้งสิ้น และตามประเพณีอันมีมาแต่โบราณข้าราชการ โดยมากยอมถวายตัวศึกษาราชการในกรมมหาดเล็กก่อนที่จะไปรับราชการในกรมอื่น จึงควรให้มีนามโรงเรียนสมแก่นักเรียนที่ได้เป็นมหาดเล็ก โรงเรียนนี้ได้เริ่มเปลี่ยนนามใหม่ เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2445 โดยมีสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ พระยาบุรุษรัตนราชพัลลภ พระยาวิสุทธ์สุริยาศักดิ์ (เจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี) และจมื่นศรีสรรักษณ์ (พระยาศรีวรวงษ์) เป็นกรรมการที่ปรึกษา และมีหมื่นศรีสรรักษ์ (พระยาศรีวรวงษ์) เป็นผู้อำนวยการโรงเรียน
ต่อมาในปี พ.ศ. 2453 (ร.ศ. 129) ในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำริเห็นว่าการที่จะฝึกนักเรียนในโรงเรียนมหาดเล็กให้ออกมารับราชการในกระทรวงมหาดไทยแต่กระทรวงเดียวนั้นไม่เพียงพอ ควรที่จะขยายการศึกษาให้กว้างขวางยิ่งขึ้น เพื่อส่งผู้ที่สำเร็จการศึกษาออกไปรับราชการทุกกระทรวง ทบวง กรม และเพื่อเป็นอนุสาวรีย์เฉลิมพระปรมาภิไธยสมเด็จพระบรมชนกาธิราช พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเงินให้เป็นทุนสำหรับจัดการโรงเรียนต่อไป และทรงพระราชกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนนามโรงเรียนมหาดเล็กเป็นโรงเรียนข้าราชการพลเรือนพระราชทานนามว่า "โรงเรียนข้าราชการพลเรือนของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว" ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2453 โดยโรงเรียนนี้กำหนดระยะเวลาเรียน 4 ปี โดยเรียนในชั้นสอน 3 ปี และฝึกงานอีก 1 ปี ต่อมาในวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2459 ได้มีพระบรมราชโองการในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาโรงเรียนข้าราชการของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวขึ้นเป็น "จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย" ซึ่งเมื่อแรกตั้งได้แบ่งออกเป็น 4 คณะ คือ คณะแพทยศาสตร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ปัจจุบันคือ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล) คณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์และวิทยาศาสตร์ และคณะรัฏฐประศาสนศาสตร์ (ชื่อแรกตั้งของคณะรัฐศาสตร์) ส่วนในด้านการศึกษายังเป็นไปในรูปเดิม นอกจากตำแหน่งผู้บังคับบัญชาโรงเรียนซึ่งแต่เดิมเรียกชื่อว่า ผู้อำนวยการโรงเรียนนั้น ได้เปลี่ยนมาใช้นามว่า คณบดี
ครั้งในปี พ.ศ. 2472 หลังจากที่ได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนแล้ว ความนิยมในการเข้าศึกษาในคณะรัฐประศาสนศาสตร์ได้ลดน้อยลง ในปีดังกล่าวนี้มีนักเรียนที่กำลังศึกษาอยู่เพียง 35 คน เท่านั้น ทั้งนี้เนื่องจากผู้สำเร็จการศึกษาได้รับประกาศนียบัตรออกไปนั้น เมื่อเข้ารับราชการจะได้ตำแหน่งเพียงชั้นราชบุรุษเท่านั้น ซึ่งผู้ที่สำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมปีที่ 5 ก็มีสิทธิสอบเข้ารับราชการในตำแหน่งนี้ได้แล้ว ส่วนนักเรียนที่ศึกษาจากคณะรัฐฏประศาสนศาสตร์ นอกจากจะสำเร็จชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 มาแล้ว ยังต้องศึกษาในคณะนี้อีกถึง 3 ปี ดังนั้น กระทรวงธรรมการจึงได้นำความทูลเกล้าฯ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อขอพระบรมราชานุญาตให้เลิกคณะนี้เสียเมื่อนักเรียนที่เหลืออยู่สำเร็จการศึกษาหมดแล้ว ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ ได้มีพระบรมราชานุญาต
เมื่อกระทรวงธรรมการได้สั่งปฏิบัติการตามกระแสพระบรมราชโองการแล้ว ต่อมามีสมุหเทศาภิบาลและข้าราชการฝ่ายปกครองเป็นอันมากมาร้องทุกข์ว่าควรจะมีการสอนวิชานี้ต่อไป ทั้งกระทรวงมหาดไทยก็เล็งเห็นว่าจะขาดประโยชน์อย่างยิ่งถ้าขาดนักปกครองที่ผลิตจากคณะรัฐฏประศาสนศาสตร์ จึงได้มีการประชุมพิจารณาระหว่างคณะกรรมการดำริรูปการมหาวิทยาลัย ผู้แทนกระทรวงมหาดไทยและผู้แทน ก.ร.พ. (กรรมการพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน) ซึ่งที่ประชุมมีความเห็นพ้องกันว่าควรจะมีการสอนวิชานี้ต่อไป แต่ต้องเปลี่ยนแปลงหลักสูตรการศึกษาเสียใหม่และเปลี่ยนแปลงวิธีการรับนิสิตด้วย นอกจากนั้นได้เสนอความคิดเห็นให้เปลี่ยนชื่อคณะรัฐฏประศาสนศาสตร์ เป็นแผนกวิชาข้าราชการพลเรือน ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชานุญาตตามข้อเสนอ และให้ขึ้นตรงต่อผู้บัญชาการจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและหัวหน้าแผนกคือ ผู้อำนวยการ ซึ่งมีฐานะเท่ากับคณบดี
ครั้นต่อมาเมื่อวันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2476 ได้มีพระบรมราชโองการในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้ตั้งคณะนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ขึ้นในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยโอนโรงเรียนกฎหมายเข้าสมทบในคณะนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ด้วย (ต่อมากลายเป็น คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์)
ในวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2476 ได้มีประกาศใช้พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง พ.ศ. 2476 ซึ่งมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติฉบับนี้บัญญัติว่า "ให้โอนคณะนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ในจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ตลอดจนทรัพย์สินและงบประมาณของคณะเหล่านี้มาขึ้นต่อมหาวิทยาลัยนี้ ก่อนวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2477" เป็นอันว่าคณะรัฐฏประศาสนศาสตร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้สิ้นสภาพลงตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
ต่อมาในปี พ.ศ. 2491 รัฐบาลได้เล็งเห็นความสำคัญของการบริหารประเทศในอันที่จะได้ปฏิบัติราชการที่เพียบพร้อมไปด้วยบุคคลที่มีความรู้ความชำนาญในการปกครองและการบริหารให้มีจำนวนเพียงพอ จึงได้จัดตั้งคณะรัฐศาสตร์ขึ้นในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอีกครั้งหนึ่ง โดยการตราพระราชบัญญัติจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2491 หลังจากที่ได้ยุบเลิกไปเป็นเวลาถึง 15 ปีเศษ และก็ได้เจริญก้าวหน้ามาจนถึงทุกวันนี้
คณะรัฐศาสตร์พัฒนาอย่างเป็นขั้นตอน บุกเบิกความเป็นสมัยใหม่ทางวิชาการ ไม่เฉพาะในสาขารัฐศาสตร์ แต่ยังพัฒนาไปถึงในสาขาสังคมศาสตร์อื่นๆ ด้วย ในขณะนั้นมีวิชาด้านที่เปิดสอนอยู่หลายสาขา คือ การปกครอง การทูต รัฐประศาสนศาสตร์ การคลัง นิติศาสตร์ สังคมวิทยาและมานุษยวิทยา และประชากรศาสตร์ จนกระทั่งบางสาขาพัฒนามากขึ้นจึงจำเป็นต้องแยกตัวออกไปตั้งเป็นคณะใหม่ โดยแผนกวิชาการคลังรวมกับแผนกวิชาเศรษฐศาสตร์ของคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีตั้งเป็นคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อ พ.ศ. 2513 และแผนกวิชานิติศาสตร์ ได้ยกฐานะขึ้นเป็นคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2515 และแผนกสื่อสารมวลชนและการประชาสัมพันธ์ ได้ยกฐานะเป็นแผนกอิสระสื่อสารมวลชนและการประชาสัมพันธ์ และปัจจุบันคือคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นอกจากนั้น สถาบันประชากรศาสตร์ สถาบันวิจัยสังคม สถาบันความมั่นคงและนานาชาติ สถาบันพัฒนานโยบายและ การจัดการ และสถาบันเอเชียศึกษา ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นจากคณะรัฐศาสตร์อีกด้วย
สถานที่ตั้งและพื้นที่
แก้คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีอาณาเขตอยู่ภายในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยฝั่งตะวันออกของถนนพญาไท ด้านข้างถนนอังรีดูนังต์ ติดกับสถานเสาวภา สภากาชาดไทย สามารถสังเกตกลุ่มอาคารของคณะได้จากศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย คณะรัฐศาสตร์ติดกับคณะอื่น ๆ ในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 2 คณะ คือ คณะเศรษฐศาสตร์และคณะวิศวกรรมศาสตร์ อีกทั้งยังตั้งอยู่ตรงข้ามกับคณะแพทยศาสตร์ โดยมีถนนอังรีดูนังต์ตัดขั้น
คณะรัฐศาสตร์ มีพื้นที่สีเขียว ลานสำหรับพักผ่อนและทำกิจกรรมหลายแห่ง อาทิ ลานไทร และลานโจก้า (ภายหลังคือ ลานเสรีภาพ) ซึ่งทั้งสองลานนี้อยู่ด้านหน้าและด้านหลังอาคารสำราญราษฎร์บริรักษ์ ภายในบริเวณคณะยังมีสนามฟุตบอลและสนามบาสเก็ตบอลด้วย
นอกจากนี้ คณะรัฐศาสตร์ ยังมี "ตึกกิจกรรมนิสิต" เป็นอาคารและพื้นที่สาธารณะอิสระให้นิสิตบริหาร จัดการ และสามารถใช้ทำกิจกรรมต่างๆ ได้ โดยเดิมทีตึกกิจกรรมนิสิตมีสภาพทรุดโทรมมานานกว่าหลายปี และได้ปรับปรุงใหม่ครั้งใหญ่ช่วงที่ เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล เป็นนายกสโมสรนิสิตรัฐศาสตร์เมื่อปี พ.ศ. 2563 ช่วงปีที่เนติวิทย์เป็นนายกสโมสร เขาได้ตั้งชื่อห้องเดิมที่มีอยู่ใหม่เป็น "ห้องวิชิตชัย อมรกุล" และ "ห้อง ดร.บุญสนอง บุณโยทยาน" เพื่อเป็นเกียรติและรำลึกถึงวีรชนนิสิตเก่าคณะที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ หลังจากนั้น ได้มีการปรับปรุงหลังคาและพื้นใหม่ นำโดยสิงห์ดำรุ่นที่ 24 เมื่อปลายปี พ.ศ. 2564 ถึงต้นปี พ.ศ. 2565 และได้เปิดตึกกิจกรรมนิสิตอย่างเป็นทางการอีกครั้งในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565
ประกอบกับ สำนักบริหารระบบกายภาพ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อปลายปี พ.ศ. 2564 ได้ปรับปรุงทัศนียภาพใหม่ จึงได้ผนวกลานไทรและลานโจก้าเดิมเข้าด้วยกัน รื้ออาคารโรงอาหารเก่า และลานจอดรถออก และสร้างบ่อน้ำเพิ่มแทน สโมสรนิสิตรัฐศาสตร์ ปีการศึกษา 2564 จึงได้เปลี่ยนชื่อลานใหม่เป็น "ลานเสรีภาพ" เพื่อให้สอดคล้องกับบริบททางการเมืองปัจจุบันและความเป็นรัฐศาสตร์มากขึ้น
อาคาร/สถานที่ | สถานะปัจจุบัน | หมายเหตุ |
---|---|---|
อาคารสำราญราษฎร์บริรักษ์ – ตึก 1 |
|
|
อาคารวรภักดิ์พิบูลย์ – ตึก 2 |
|
(หม่อมหลวงนภา ชุมสาย) |
อาคารเกษม อุทยานิน (รัฐศาสตร์ 60 ปี) – ตึก 3 |
|
|
ตึกกิจกรรมนิสิต |
|
|
อาคารโรงอาหาร |
|
|
อาคารจอดรถ |
|
|
ลานเสรีภาพ |
|
|
สนามฟุตบอล |
| |
สนามบาสเกตบอล | ||
ศาลพระพุทธรูปเชียงแสน สิงห์หนึ่ง สิงห์ดำ | ||
อาคารวิศิษฐ์ ประจวบเหมาะ |
| |
อาคารประชาธิปก – รำไพพรรณี |
|
|
สัญลักษณ์
แก้- สัญลักษณ์
สัญลักษณ์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้แก่ "สิงห์ดำ" โดย "สิงห์" หมายถึง ผู้ปกครองดั่งราชสีห์ผู้เป็นจ้าวแห่งป่า และ "สีดำ" หมายถึง สีแห่งศอของพระศิวะที่ดื่มยาพิษเพื่อปกป้องมวลมนุษย์ ดังนั้น สิงห์ดำ จึงมีหมายความว่า "การเป็นนักปกครองจะต้องเสียสละเพื่อมวลชน" (Black is Devotion)[4]
- กลอนสิงห์ดำ
คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีกลอนประจำคณะที่สืบทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น เพื่อเป็นสัญลักษณ์และเป็นคติเตือนใจ โดยนิสิตจะรู้จักกันในชื่อ "กลอนสิงห์"
"เจ้าเป็นสิงห์เจ้าจงหยิ่งในสิงห์ศักดิ์ เจ้าเป็นนักรัฐศาสตร์องอาจหาญ
กอปรกรรมดีให้จีรังยั่งยืนนาน มุ่งสมานใจรักสามัคคี
จงรู้จักใช้วิชาหาประโยชน์ รู้จำแนกคุณโทษให้ถ้วนถี่
จงวางตนให้คนเห็นเป็นผู้ดี ถ้าเจ้ามีใจจริงเป็นสิงห์ดำ"
- สีประจำคณะ
สีดำ หมายถึง สีแห่งศอของพระศิวะที่ดื่มยาพิษเพื่อปกป้องมวลมนุษย์
วารสารสังคมศาสตร์
แก้คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้จัดทำวารสารสังคมศาสตร์ขึ้น เพื่อเป็นการสนับสนุนการผลิตผลงานทางวิชาการ/งานวิจัย และเพื่อเผยแพร่ รวมทั้งเป็นสื่อความเคลื่อนไหว ความเปลี่ยนแปลง และความก้าวหน้าทางด้านสังคมศาสตร์ โดยเริ่มจัดพิมพ์วารสารฉบับแรกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2504 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน เป็นเวลากว่า 60 ปี นอกจากนี้ห้องสมุดคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยยังมีการจัดทำวารสารสังคมศาสตร์ฉบับย้อนหลังตั้งแต่ฉบับแรกเป็นแอพลิแคชั่นสำหรับดาวน์โหลดเพื่อเป็นฐานข้อมูลด้านสังคมศาสตร์สำหรับนิสิต คณาจารย์ และประชาชนทั่วไป
ห้องสมุด
แก้คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีห้องสมุดประจำคณะที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากถึงสองแห่งด้วยกัน คือ ห้องสมุดรูฟุส ดี. สมิธ และ ชำนาญ ยุวบูรณ์ และอีกแห่งชื่อว่า ห้องสมุดรูฟุส ดี.สมิธ. ถือได้ว่าทั้งสองแห่งเป็นหนึ่งในห้องสมุดด้านสังคมศาสตร์ที่ดีที่สุดในประเทศไทย
ห้องสมุดรูฟุส ดี.สมิธ. เดิมชื่อห้องสมุดคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก่อตั้งเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2491 ตั้งอยู่ที่อาคารสำราญราษฎร์บริรักษ์ (ตึก 1) ในระยะเริ่มก่อตั้งในปี พ.ศ. 2494 ศาสตราจารย์รูฟุส แดเนียล สมิธ จากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ซึ่งได้รับทุนฟูลไบรท์ให้มาสอนวิชาการปกครองเปรียบเทียบที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ได้ช่วยเหลือกิจการห้องสมุดโดยติดต่อขอบริจาคหนังสือ และวารสารทางด้านสังคมศาสตร์จากองค์การมูลนิธิและมหาวิทยาลัยต่างๆ ในสหรัฐอเมริกา นับเป็นการวางรากฐานกิจการห้องสมุดคณะรัฐศาสตร์ ทำให้เป็นห้องสมุดแห่งแรกในประเทศไทยที่เป็นแหล่งค้นคว้าสำคัญทางด้านสังคมศาสตร์ ต่อมาห้องสมุดได้ย้ายไปตั้งที่อาคารเกษมอุทยานิน (ตึก 3) และในปี พ.ศ. 2518 ได้ย้ายมาตั้งที่อาคารวิศิษฐ์ ประจวบเหมาะ ชั้น 1 จนถึงปัจจุบัน
35 ปี หลังจากมรณกรรมของศาสตราจารย์รูฟุส แดเนียล สมิธ ที่ประชุมกรรมการคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ตั้งชื่อ ห้องสมุดของคณะว่า "ห้องสมุดรูฟุส ดี.สมิธ." เพื่อเป็นเกียรติและเป็นที่ระลึกถึงพระคุณที่ท่านมีต่อคณะรัฐศาสตร์ โดยมีพิธีเปิดที่ห้องสมุดของคณะ ในวันศุกร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2531[5]
ตั้งแต่ก่อตั้งจนถึงปัจจุบัน ห้องสมุดของคณะรัฐศาสตร์ทั้งสองแห่งได้รับรางวัลรับรองจากหลายสถาบัน[6]
- รางวัลชนะเลิศ ประเภทประสิทธิภาพของการบริการ รางวัลคุณภาพแห่งจุฬาฯ พ.ศ. 2550
- รางวัลดีเด่นระดับชาติ ประเภทนวัตกรรมการให้บริการ จากคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ พ.ศ. 2551
- รางวัลดีเด่นระดับชาติ ประเภทรายกระบวนงาน จากคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ พ.ศ. 2553
- รางวัลบริการภาครัฐแห่งชาติ ประเภทการพัฒนาการบริการที่เป็นเลิศ จากคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ พ.ศ. 2556
หน่วยงานและหลักสูตร
แก้หลักสูตรที่เปิดสอนในคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย | |||
---|---|---|---|
หน่วยงาน | ระดับปริญญาบัณฑิต[7] | ระดับปริญญามหาบัณฑิต[8] | ระดับปริญญาดุษฎีบัณฑิต[9] |
ภาควิชาการปกครอง |
หลักสูตรรัฐศาสตรบัณฑิต (ร.บ.)
|
หลักสูตรรัฐศาสตรมหาบัณฑิต (ร.ม.)
|
หลักสูตรรัฐศาสตรดุษฎีบัณฑิต (ร.ด.)
|
ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ |
หลักสูตรรัฐศาสตรบัณฑิต (ร.บ.)
|
หลักสูตรรัฐศาสตรมหาบัณฑิต (ร.ม.)
|
หลักสูตรรัฐศาสตรดุษฎีบัณฑิต (ร.ด.)
|
ภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์ |
หลักสูตรรัฐศาสตรบัณฑิต (ร.บ.)
|
หลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต (รป.ม.)
|
หลักสูตรรัฐศาสตรดุษฎีบัณฑิต (ร.ด.)
|
ภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา |
หลักสูตรรัฐศาสตรบัณฑิต (ร.บ.)
|
หลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต (ศศ.ม.)
|
หลักสูตรรัฐศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต (ร.ด.)
หลักสูตรศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิต (ศศ.ด.)
|
หลักสูตรอื่น ๆ |
หลักสูตรรัฐศาสตรบัณฑิต (ร.บ.)
|
หลักสูตรรัฐศาสตรมหาบัณฑิต (ร.ม.)
หลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต (ศศ.ม.)
|
หลักสูตรศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิต (ศศ.ด.)
|
คณบดี
แก้คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีตำแหน่งคณบดีเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2491
ทำเนียบคณบดีคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย | ||
---|---|---|
รายนามคณบดี | วาระการดำรงตำแหน่ง | |
ศาสตราจารย์หม่อมเจ้ารัชฎาภิเศก โสณกุล | พ.ศ. 2491 – 2493 | |
ศาสตราจารย์ ดร.มาลัย หุวะนันท์ | พ.ศ. 2493 | |
ศาสตราจารย์เกษม อุทยานิน | พ.ศ. 2493 – 2513 | |
ศาสตราจารย์ ดร.เกษม สุวรรณกุล | พ.ศ. 2513 – 2517 | |
ศาสตราจารย์ ดร.กระมล ทองธรรมชาติ | พ.ศ. 2517 – 2525 | |
ศาสตราจารย์จรูญ สุภาพ | พ.ศ. 2525 – 2529 | |
ศาสตราจารย์ ดร.กระมล ทองธรรมชาติ | พ.ศ. 2529 – 2533 | |
ศาสตราจารย์ ดร.สุจิต บุญบงการ | พ.ศ. 2533 – 2541 | |
ศาสตราจารย์ ดร.ไชยวัฒน์ ค้ำชู | พ.ศ. 2541 – 2545 | |
ศาสตราจารย์ ดร.อมรา พงศาพิชญ์ | พ.ศ. 2545 – 2549 | |
ศาสตราจารย์ ดร.จรัส สุวรรณมาลา | พ.ศ. 2549 – 2553 | |
ศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย ยาวะประภาษ | พ.ศ. 2553 – 2557 | |
ศาสตราจารย์ ดร.เอก ตั้งทรัพย์วัฒนา | พ.ศ. 2557 – 2565 | |
รองศาสตราจารย์ ดร.ปกรณ์ ศิริประกอบ | พ.ศ. 2565 – ปัจจุบัน |
หมายเหตุ คำนำหน้านามของผู้ดำรงตำแหน่งคณบดี เป็นคำนำหน้านามตามตำแหน่งทางวิชาการในขณะนั้น
บุคลากรที่มีชื่อเสียง
แก้ดูเพิ่ม รายนามบุคคลจากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- ศาสตราจารย์ ดร.มาลัย หุวะนันทน์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย สมาชิกวุฒิสภา อดีตอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และผู้ร่วมก่อตั้งสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
- จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการขบวนการเสรีไทยต่อต้านรัฐประหารวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม อดีตปลัดกระทรวงยุติธรรมและอดีตปลัดกระทรวงแรงงาน อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์ และอดีตรองปลัดกรุงเทพมหานคร
- ภูมิธรรม เวชยชัย อดีตเลขาธิการพรรคเพื่อไทย อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
- ศาสตราจารย์ ดร.เกษม สุวรรณกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี อดีตรัฐมนตรีว่าการทบวงมหาวิทยาลัย อดีตวุฒิสมาชิก นิสิตเก่าดีเด่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อดีตอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และอดีตคณบดีคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- ศาสตราจารย์ ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ อดีตรองปลัดทบวงมหาวิทยาลัย อดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และอดีตประธานกรรมการบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด
- เอนก นาวิกมูล ศิลปินแห่งชาติ ผู้ก่อตั้งบ้านพิพิธภัณฑ์ นักวิชาการ นักเขียนสารคดี นักสะสมของเก่า และนิสิตเก่าดีเด่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- วีรพงษ์ รามางกูร ประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
- อารีย์ วงศ์อารยะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และอดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย
- ศาสตราจารย์ ดร.กระมล ทองธรรมชาติ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ และอดีตคณบดีคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- พลตำรวจเอก วสิษฐ เดชกุญชร อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์
- ฐากูร บุนปาน รองประธานกรรมการ บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน)
- ยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตรองนายกรัฐมนตรี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และอดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย
- วิบูลย์ สงวนพงศ์ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย
- ศาสตราจารย์พิเศษ พรเพชร วิชิตชลชัย อดีตรองประธานรัฐสภา อดีตประธานวุฒิสภา อดีตประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กรรมการกฤษฎีกา อดีตผู้ตรวจการแผ่นดิน และอดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา
- รองศาสตราจารย์ ดร.พิทยา บวรวัฒนา นักวิชาด้านวิชารัฐประศาสนศาสตร์ มีผลงานตีพิมพ์ลงวารสารวิชาการต่างประเทศหลายฉบับ อดีตอาจารย์ประจำภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- รองศาสตราจารย์ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
- ศาสตราจารย์ ดร.ไชยันต์ ไชยพร นักปรัชญาการเมือง และคอลัมนิสต์
- ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.เทียนฉาย กีระนันทน์ อดีตอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ อดีตประธาน สภาปฏิรูปแห่งชาติ
- ศาสตราจารย์ธเนศ วงศ์ยานนาวา บรรณาธิการ "รัฐศาสตร์สาร" อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นักเขียนชื่อดัง
- ศาสตราจารย์ ดร.ธเนศวร์ เจริญเมือง ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ อดีตกรรมการสภามหาวิทยาลัยเชียงใหม่
- ศาสตราจารย์ พลตำรวจโทหญิง ดร.นัยนา เกิดวิชัย อดีตคณบดีคณะตำรวจศาสตร์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ
- แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของประเทศไทย, หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และ กรรมการมูลนิธิไทยคม
- รองศาสตราจารย์ ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจเพื่อการปฏิรูป มหาวิทยาลัยรังสิต และประธานคณะกรรมการตรวจสอบ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) อดีตประธานกรรมการจัดวางระบบควบคุมภายในบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด
- วิทยา คุณปลื้ม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี และประธานสโมสรฟุตบอลชลบุรี เอฟซี
- ดร.โฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการธนาคารกรุงเทพ อดีตรองนายกรัฐมนตรี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และอดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
- ชวน ศิรินันท์พร กรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิของมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม[10] อธิบดีกรมการปกครอง ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม จังหวัดแพร่ จังหวัดอุบลราชธานี
- วิมล คิดชอบ อดีตอธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงต่างประเทศ อดีตรองอธิบดีและอดีตอธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ กรรมการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
- ดร.สุพจน์ ไข่มุกด์ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ อดีตเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอร์ซอ สาธารณรัฐโปแลนด์ อดีตเอกอัครราชทูต ณ กรุงเตหะราน สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน
- ศาสตราจารย์ ดร.อมร รักษาสัตย์ อดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี อดีตอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ นายกสมาคมรัฐธรรมนูญเพื่อประชาชน
- อนุตตมา อมรวิวัฒน์ อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ อดีตรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และอดีตอาจารย์คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
- หม่อมหลวงขวัญทิพย์ เทวกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารและอาหารไทยตำรับชาววัง และกรรมการรายการมาสเตอร์เชฟไทยแลนด์ (ทุกซีซั่น)
- ฉัตรชัย พรหมเลิศ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ประธานคณะกรรมการในคณะกรรมการการไฟฟ้านครหลวง ประธานกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์ กระทรวงมหาดไทย และประธานกรรมการบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
- อนุสรี ทับสุวรรณ อดีตกงสุล ณ สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองฮ่องกง อดีตเลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร บัญชีรายชื่อ พรรครวมพลัง
- ศาสตราจารย์ ดร.ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ ศาสตราจารย์ประจำสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต
คณาจารย์ที่มีชื่อเสียง
แก้- ศาสตราจารย์ จางวางตรี สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราไชย อดีตอาจารย์คณะรัฏฐประศาสนศาสตร์
- ศาสตราจารย์พิเศษหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช อดีตนายกรัฐมนตรี
- ศาสตราจารย์ ดร.มาลัย หุวะนันทน์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย สมาชิกวุฒิสภา อดีตอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ และผู้ร่วมก่อตั้งสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
- ศาสตราจารย์พิเศษ ทองต่อ กล้วยไม้ ณ อยุธยา อดีตปลัดกรุงเทพมหานคร และอดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พ.ศ. 2516
- รองศาสตราจารย์หม่อมราชวงศ์พฤทธิสาณ ชุมพล กรรมการพิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว อดีตรองคณบดีฝ่ายวิชาการและวิเทศสัมพันธ์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.จรัส สุวรรณมาลา อดีตคณบดีคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 และอดีตผู้อำนวยการวิทยาลัยพัฒนาการปกครองท้องถิ่น สถาบันพระปกเกล้า
- ศาสตราจารย์ ดร.ไชยวัฒน์ ค้ำชู อดีตคณบดีคณะรัฐศาสตร์ อดีตกรรมการสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้รับรางวัล TTF Award สาขาสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ พ.ศ. 2551
- ดร.วิชิตวงศ์ ณ ป้อมเพชร ราชบัณฑิตสาขาเศรษฐศาสตร์ อดีตผู้อำนวยการกองเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
- ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.อมรา พงศาพิชญ์ อดีตคณบดีคณะรัฐศาสตร์ อดีตผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาสันติภาพและความขัดแย้ง และอดีตประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
- ศาสตราจารย์ ดร.สุริชัย หวันแก้ว ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาสันติภาพและความขัดแย้ง อดีตประธานคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย อดีตกรรมการและเลขานุการร่วม คณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ อดีตผู้อำนวยการสถาบันวิจัยสังคม
- รองศาสตราจารย์ ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
- รองศาสตราจารย์ประพันธ์พงศ์ เวชชาชีวะ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดจันทบุรี อดีตรองอธิการบดีฝ่ายทรัพย์สิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อดีตกรรมการสำนักงานจัดการทรัพย์สินสภากาชาดไทย และกรรมการสภามหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ
- ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยวิทัศน์ จำกัด และอดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พ.ศ. 2549
- ศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย ยาวะประภาษ อดีตคณบดีคณะรัฐศาสตร์ อดีตรองอธิการบดีฝ่ายวิเทศสัมพันธ์ และอดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการทบวงมหาวิทยาลัย
- ศาสตราจารย์ ดร.สุรชาติ บำรุงสุข ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์ทางการทหารไทยและความมั่นคงไทย และอดีตอาจารย์ดีเด่นแห่งชาติ สาขาสังคมศาสตร์ จากคณะกรรมการที่ประชุมประธานสภาอาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย (ปอมท.)[11]
- ศาสตราจารย์ ดร.ฐิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์ อดีตผู้อำนวยการสถาบันศึกษาความมั่นคงและนานาชาติ
- รองศาสตราจารย์ ดร.วรศักดิ์ มหัทธโนบล นักวิจัยและอาจารย์สาขาจีนศึกษา นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ (สาขารัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์) ประจำปี 2558 ของสภาวิจัยแห่งชาติ[12]
- ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พิชญ์ พงศ์สวัสดิ์ หัวหน้าภาควิชาการปกครอง คอลัมนิสต์ และผู้ดำเนินรายการ Wake Up Thailand ทางสถานีโทรทัศน์ Voice TV
- รองศาสตราจารย์ตระกูล มีชัย รองคณบดีคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- ศาสตราจารย์ ดร.สิริพรรณ นกสวน สวัสดี อดีตหัวหน้าภาคการปกครองคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- รองศาสตราจารย์หม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร อดีตอาจารย์ประจำภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ อดีตผู้อำนวยการสถาบันศึกษาความมั่นคงและนานาชาติ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และอดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
- รองศาสตราจารย์ ดร.วีระศักดิ์ เครือเทพ อาจารย์ประจำภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการคลังสาธารณะ อนุกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ อนุกรรมการการปกครองท้องถิ่น สภาปฏิรูปแห่งชาติ
- อาจารย์ ดร.อมร วาณิชวิวัฒน์ อาจารย์ประจำภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
- รองศาสตราจารย์ ดร.งามพิศ สัตย์สงวน อดีตหัวหน้าภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา อดีตคณะกรรมการสาขาสังคมวิทยา สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ และอดีตสมาชิกสภามหาวิทยาลัย
อ้างอิง
แก้- ↑ "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-04-02. สืบค้นเมื่อ 2013-05-09.
- ↑ "วิทยาลัยประชากรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย", วิกิพีเดีย, 2020-10-08, สืบค้นเมื่อ 2022-05-15
- ↑ http://www.ias.chula.ac.th/ias/th/Background.php
- ↑ หนังสือเปิดรั้วจามจุรี: สาราณียกร องค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- ↑ http://www.polsci.chula.ac.th/library/index.php/aboutus/1/%7C เกี่ยวกับห้องสมุดคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ เข้าถึงเมื่อ วันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2558
- ↑ http://www.polsci.chula.ac.th/library/index.php/honor/%7C ความภาคภูมิใจของห้องสมุดคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ
- ↑ ระดับปริญญาบัณฑิต
- ↑ ระดับปริญญามหาบัณฑิต
- ↑ ระดับปริญญาดุษฎีบัณฑิต
- ↑ http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2559/E/052/19.PDF
- ↑ ภาพ, อรพรรณ จันทรวงศ์ไพศาล-เรื่อง ชลาธิป รุ่งบัว- (2018-08-12). "อาจารย์ดีเด่นแห่งชาติ 'สุรชาติ บำรุงสุข' เปิดมุมมอง "ทหาร" กับ "การเมือง"". มติชนออนไลน์.
- ↑ www.polsci.chula.ac.th http://www.polsci.chula.ac.th/?lecturer=%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B9%8C.
{{cite web}}
:|title=
ไม่มีหรือว่างเปล่า (help)
ดูเพิ่ม
แก้- รายชื่อคณะรัฐศาสตร์ในประเทศไทย
- แผนที่และภาพถ่ายทางอากาศของ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- ภาพถ่ายดาวเทียมจากวิกิแมเปีย หรือกูเกิลแมปส์
- แผนที่จากลองดูแมป หรือเฮียวีโก
- ภาพถ่ายทางอากาศจากเทอร์ราเซิร์ฟเวอร์
แหล่งข้อมูลอื่น
แก้- www.polsci.chula.ac.th คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- www.chula.ac.th จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย