ขบวนการสตาฮานอฟ

ในประวัติศาสตร์โซเวียตได้มีผู้นิยมสตาฮานอฟ (รัสเซีย: стахановец) ในเหมืองแร่เพื่อเอาแบบอย่าง อะเลคเซย์ สตาฮานอฟกรรมกรผู้ทำงานหนัก

อะเลคเซย์ สตาฮานอฟ (คนขวา) ในเหมืองแร่
เหรียญกล้าหาญแรงงานสหภาพโซเวียต (รัสเซีย: За трудовую доблесть СССР))

ประวัติ แก้

ขบวนการสตาฮานอฟก่อตั้งขึ่นในช่วงแผนห้าปีครั้งที่สองในปี 1935 ขบวนการสตาฮานอฟ ตั้งชื่อตามอะเลคเซย์ สตาฮานอฟ กรรมกรผู้ขุดแร่ถ่านหินได้ 102 ตัน ในเวลา 6 ชั่วโมง (ซึ่งมากกว่าเกณฑ์ที่เขาต้องขุดให้ได้กว่า 14 เท่า) ในวันที่ 31 สิงหาคม 1935[1]จนได้รับการสรรเสริญแต่สถิติของสตาฮานอฟถูกทุบลง[1]ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 1936 โดย นีคีตา อีโซตอฟ กรรมกรผู้ขุดแร่ถ่านหินได้ 607 ตัน

ขบวนการสตาฮานอฟได้รับการสนับสนุนใดยพรรคคอมมิวนิสต์และหน่วยอื่นในสหภาพโซเวียต[2]โดยมีผู้บุกเบิกของการเคลื่อนไหวคือ Alexander Busygin (อุตสาหกรรมยานยนต์), Nikolai Smetanin (อุตสาหกรรมรองเท้า) Yevdokiya และMaria Vinogradov (อุตสาหกรรมสิ่งทอ) I.I.Gudov (อุตสาหกรรมเครื่องมือเครื่องจักร) V.S.Musinsky (อุตสาหกรรมไม้) Pyotr Krivonos (การทางรถไฟ)[3]Pasha Angelina (ผู้หญิงโซเวียตที่ถูกสรรเสริญในเป็นปฏิบัติการรถแทรกเตอร์), คอนสแตนติน Borin และมาเรีย Demchenko (หัวหน้ากลุ่มเกษตร) และอื่น ๆ อีกมากมาย

ในวันที่ 14-17 พฤศจิกายน 1935 ที่ประชุมผู้นิยมสตาฮานอฟครั้ง 1 ที่เครมลิน การประชุมเน้นย้ำบทบาทที่โดดเด่นของ ผู้นิยมสตาฮานอฟ ในเรื่องการก่อสร้างและการพัฒนาของเศรษฐกิจในประเทศ ในธันวาคม 1935 การประชุมร่วมของพรรคคอมมิวนิสต์ของคณะกรรมการกลางที่กล่าวถึงโดยเฉพาะแง่มุมของการพัฒนาระบบอุตสาหกรรมและการขนส่งในแง่ของการเคลื่อนไหว ความละเอียดของประชุมระบุบว่า "การเคลื่อนไหวของผู้นิยมสตาฮานอฟ หมายถึงการจัดระเบียบแรงงานในรูปแบบใหม่การปรับกระบวนการเทคโนโลยีเพิ่มคุณภาพจากงานพื้นฐานการปรับปรุงสถานที่ทำงานให้รองรับกับเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วสำหรับการผลิตแรงงานและการรักษาความปลอดภัยเพิ่มขึ้นที่สำคัญจะต้องให้สวัสดิการแก่แรงงานด้วย"

เพื่อให้สอดคล้องกับการตัดสินใจของที่ประชุม โซเวียตจัดเครือข่ายกว้างของการฝึกอบรมอุตสาหกรรมและการสร้างหลักสูตรพิเศษสำหรับคนงานแรงงานในสังคมนิยม ในปี 1936 ได้มีการจัดการประชุมอุตสาหกรรมและเทคนิคเพื่อการปรับปรุงขีดความสามารถในการผลิตที่คาดการณ์ของอุตสาหกรรมต่างๆและเพิ่มผลผลิตของตน พวกเขายังจัดการแข่งขันในกลุ่มขบวนการสตาฮานอฟ ภายในโรงงานอุตสาหกรรมและการเกษตร แบ่งออกเป็นระยะเวลาห้าวัน (รัสเซีย: пятидневкаหรือ pyatidnevka) สิบวัน (รัสเซีย: декадаหรือ dekada) และ 30 วัน (รัสเซีย: месячникиหรือ mesyachniki) การจัดการโรงงานมักจะทำให้กองพันขบวนการสตาฮานอฟหรือหน่วยงานมีเสถียรภาพของการส่งออกโดยรวมที่สูงขึ้น

ผู้หญิง ก็มีบทบทสำคัญยิ่งของขบวนการสตาฮานอฟ โดยส่วนใหญ่แล้วในชนบทเป็น คนทำงานรีดนม ชาวไร่ชาวสวน และ อุตสาหกรรมจักสาน[4]

ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวของขบวนการสตาฮานอฟจะถูกเรียกว่า"ผู้บ่อนทำลาย"[5]

เจ้าหน้าที่โซเวียตได้กล่าวว่าการเคลื่อนไหวของขบวนการสตาฮานอฟ[ไหน?] ได้ก่อให้เกิดการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในการผลิตภาพแรงงาน มีรายงานว่าในช่วงแผน 5 ปีแรก (1929-1932) ผลิตภาพแรงงานอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 41% ในช่วงที่สองแผน 5 ปี (1933-1937) ก็มีรายงานว่าเพิ่มขึ้น 82% การอภิปรายร่างรัฐธรรมนูญในช่วงทศวรรษที่ 1930 ถูกนำมาใช้[โดยใคร?]เพื่อส่งเสริมให้การเคลื่อนไหวของขบวนการสตาฮานอฟ[6]

 
ภายหลังจากการเสียชีวิตของสตาลินในปี ค.ศ. 1953 สหภาพโซเวียตและประเทศบริวาร ได้ส่งเสริมคนงานให้ทำเกินเป้าหมายการผลิต และเพื่อประชาสัมพันธ์ผู้ที่ทำแบบนั้น
ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1959 ใกล้กับนอยชเตรลิทซ์,เยอรมนีตะวันออก นักงานป่าไม้ที่ขับรถมอเตอร์ไซค์อาเวโอ 425 เท ของเขา ได้แสดงความยินดีกับทีมงานหญิง ซึ่งประสบความสำเร็จ 184 เปอร์เซ็นต์ของเป้าหมายในการทำงานโดยการปลูกต้นกล้าจำนวน 25,000 ต้น ในเวลาที่พวกเขาถูกกำหนดไว้ด้วยโควต้าจำนวน 16,000 ต้น

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ขบวนการสตาฮานอฟ ได้ทำวิธีหลายอย่างเพื่อเพิ่มผลผลิตเช่น การให้คนงานทำงานหลายหน้าที่ การจัดอบรมแบบเพิ่มประสิทธิภาพ200-1,000%

หลังจากการตายของสตาลินมีนาคม 1953 "กลุ่มแรงงานสังคมนิยม" เข้ามาแทนที่ ขบวนการสตาฮานอฟ สื่อมวลชน วรรณกรรม ภาพยนตร์และอื่น ๆยกย่อง ขบวนการสตาฮานอฟ เป็นการกระตุ้นให้คนงานอื่น ๆ ที่จะเลียนแบบตัวอย่างที่กล้าหาญของตน ความสำเร็จของขบวนการสตาฮานอฟในการการพัฒนาระบบอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจในประเทศ

อ้างอิง แก้

  1. 1.0 1.1 Overy 2004, p. 258.
  2. Overy 2004, p. 259.
  3. Krivonoss, P., "The Stakhanov Movement on Soviet Railroads" (1939, Foreign Languages Publishing House).
  4. Siegelbaum & Sokolov 2000, p. 19.
  5. Service, Robert (2005). A History of Modern Russia, from Nicholas II to Putin. Cambridge, MA: Harvard University Press. p. 217. ISBN 0-674-01801-X.
  6. Siegelbaum & Sokolov 2000, p. 161.