กูซิใหญ่ เป็นภาพยนตร์ไทยแนวโลดโผนที่สร้างและกำกับโดย ชาย มีคุณสุต ในนาม มีคุณสุตภาพยนตร์ และจัดจำหน่ายโดยนิวไฟว์สตาร์ (ไฟว์สตาร์โปรดักชั่น ในปัจจุบัน) ออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2520 นำแสดงโดย กรุง ศรีวิไล, สรพงศ์ ชาตรี, ไพโรจน์ ใจสิงห์, อดินันท์ สิงห์หิรัญ, ภาวนา ชนะจิต, เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์, เรวดี ปัตตะพงษ์, มานพ อัศวเทพ, วิทยา สุขดำรงค์, สุคนธ์ คิ้วเหลี่ยม, จิระศักดิ์ ปิ่นสุวรรณ, เชาว์ แคล่วคล่อง และจุรี โอศิริ[1]

ต่อมาในปี 2530 ชาย มีคุณสุต ได้นำภาพยนตร์เรื่อง กูซิใหญ่ กลับมาสร้างใหม่อีกครั้งโดยใช้ชื่อว่า รอยเสือ นำแสดงโดย สรพงศ์ ชาตรี ซึ่งรับบท เสือวัง ในฉบับปี 2520 มารับบท เสือพลาย และ อภิชาติ หาลำเจียก รับบท ร้อยตำรวจเอกระบิล ร่วมด้วย ครรชิต ขวัญประชา รับบท นายอำนาจ, ไพโรจน์ ใจสิงห์ ซึ่งรับบท ร้อยตำรวจเอกระบิล ในฉบับปี 2520 รับบท เสือทิม และจิระศักดิ์ ปิ่นสุวรรณ ซึ่งรับบท เกลือ ในฉบับปี 2520 รับบท เสือวัง[2]

เนื้อเรื่อง แก้

เรื่องราวของ ระบิล (ไพโรจน์ ใจสิงห์) ชายหนุ่มแปลกหน้าที่เดินทางเข้ามาที่คลองลึกเพื่อตามหาบ้านของ ผู้ใหญ่กำแหง จนได้เจอกับ หาญ (วิทยา สุขดำรงค์) นักเลงใหญ่ขี้เมาน้องชายของผู้ใหญ่กำแหงในตลาดและเกิดเรื่องชกต่อยกันขึ้นทำให้ ผู้ใหญ่กำแหง (มานพ อัศวเทพ) ต้องปรากฏตัวออกมาและจับระบิลในข้อหาทะเลาะวิวาท ก่อความวุ่นวาย ก่อนที่ระบิลจะจับผู้ใหญ่กำแหงในข้อหาฆาตกรรม และเปิดเผยตัวว่าตัวเองคือ ร้อยตำรวจเอกระบิล ผู้บังคับการกองคนใหม่ประจำคลองลึกเพราะ โสภิณ (เรวดี ปัตตะพงษ์) ลูกสาวของนายแสงทองที่ถูกผู้ใหญ่กำแหงใช้เครื่องยิงลูกระเบิดยิงใส่จนรถระเบิดทั้งคันได้มาแจ้งความโดยมี เกลือ (จิระศักดิ์ ปิ่นสุวรรณ) เป็นพยานรู้เห็น ผู้ใหญ่กำแหงจึงถูกคุมตัวไปโรงพัก

ทำให้ นายอำนาจ (อดินันท์ สิงห์หิรัญ) เจ้าพ่อคลองลึกเจ้านายของกำแหงและหาญไม่พอใจจึงได้เชิญระบิลมาที่บ้านเพื่อเจรจาขอให้ปล่อยตัวกำแหงแต่ไม่เป็นผล และลูกน้องรายงานว่าเกลือเป็นพยาน อำนาจจึงสั่งลูกน้องไปฆ่าเกลือเพื่อหวังปิดปากโชคดีที่โสภิณซึ่งเป็นเพื่อนสนิทเข้ามาช่วยไว้ทันทำให้ พ่อเฒ่า (สุคนธ์ คิ้วเหลี่ยม) พ่อของเกลือซึ่งเป็นนักเลงเก่าต้องมารับเคราะห์ถูกหาญและพวกรุมฆ่าตายแทนหลังจากใส่บาตรพระ ทำให้เกลือตัดสินใจลุกขึ้นสู้

ขณะเดียวกัน อรชา (ภาวนา ชนะจิต) ลูกสาวของอำนาจเดินทางกลับมายังคลองลึกแต่รถโดยสารเสียทำให้ตัดสินใจติดรถของระบิลไปคลองลึกและได้พบกับชายหนุ่มแปลกหน้านามว่า วัง (สรพงศ์ ชาตรี) เดินอยู่ริมทางจึงได้ชวนขึ้นรถ อรชาสงสัยว่าทำไมชื่อจึงเหมือนเสือวัง โจรชื่อดังที่เป็นมือขวาและเพื่อนสนิทของเสือพลาย แต่วังก็ปฏิเสธไป ระหว่างทางมีโจรกลุ่มหนึ่งมาหมายดักฆ่าระบิลโดยใช้ชื่อเสือพลาย ทำให้วังต้องเปิดเผยตัวว่าเขาคือ เสือวัง และพาอรชากับระบิลไปพบกับ เสือพลาย (กรุง ศรีวิไล) และได้พูดคุยกันก่อนที่พลายจะจับอรชาเป็นตัวประกันและปล่อยระบิลไป ส่วนเกลือก็ไปหาเรื่องลูกน้องของอำนาจที่ร้านของ พบโชค (พูลสวัสดิ์ ธีมากร) ก่อนไปฉี่ใส่หน้าบ้านของอำนาจและประกาศเตือนอำนาจว่าอย่ายิ่งใหญ่กว่าคนอื่นและรังแกคนอื่นก่อนเดินจากไปพร้อมระเบิดมือ ทำให้อำนาจไม่พอใจสั่งกำแหงจัดการเก็บเกลือ และประกาศว่าถ้ากำแหงฆ่าไม่ได้อำนาจเจอหน้าเกลืออีกเมื่อไหร่จะฆ่าด้วยตัวเอง

ส่วนหาญและลูกน้องออกตามล่าพลายมาจนถึงร้านของพบโชค และได้พบกับพลายแบบไม่รู้ตัวก่อนหาญจะพลาดท่าถูกพลายจับได้และประจานด้วยการแก้ผ้าหาญจนล่อนจ้อนและพาดบนหลังม้าไปส่งถึงบ้านของอำนาจด้วยความอัปยศ และพลายได้เดินไปเจรจากับอำนาจเรื่องเงินค่าไถ่ของอรชาจำนวน 5 แสนบาทและประกาศว่าถ้าไม่ได้เงินจะตัดนิ้วของอรชาทีละนิ้วก่อนจากไป ทำให้อำนาจได้แต่แค้นใจ ตกค่ำ อรชาได้ยินวังกำลังดีดกีตาร์อยู่คนเดียวจึงเข้าไปพูดคุยและสอบถามวังว่าพลายจับตัวเธอมาขังทำไมซึ่งวังก็ไม่ทราบ ระหว่างนั้นอรชาก็ได้ยินเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งเหมือนคนสติไม่ดีดังขึ้นมาจึงสงสัยว่านอกจากเธอแล้วยังมีคนอื่นที่ถูกขังอีกเหรอทางวังจึงบอกให้อรชากลับไปนอน

ระหว่างทางกลับอรชาถูก เสือทิม (ดามพ์ ดัสกร) เพื่อนของพลายที่มาอาศัยอยู่ด้วยลวนลามและหมายจะปล้ำแต่วังเข้ามาช่วยไว้ได้ทันทำให้เกิดการท้าดวลมีดกันขึ้นโดยมีเงื่อนไขว่าถ้าวังตายให้ปล่อยทิมไปและเรียกพลายกลับมา ซึ่งเป็นฝ่ายทิมที่เสียท่ากำลังจะถูกวังฆ่าตายแต่พลายก็กลับมาทันและขอชีวิตทิมเอาไว้และไล่ทิมกับลูกน้องออกจากชุมเสือข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งทำให้ทิมแค้นใจและกล่าวอาฆาตเอาไว้ โดยพลายได้เล่าถึงผลการเจรจาให้วังฟัง ทำให้วังขอพลายลาไปพบกับสร้อยสาวคนรักในหมู่บ้านในวันรุ่งขึ้น ซึ่งพลายก็ได้เตือนวังให้ระวังตัว ในวันรุ่งขึ้น วังก็ได้มาพบกับ สร้อย (เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์) สาวคนรักซึ่งสร้อยก็ได้บอกกับวังว่าอย่ามาหาเธอบ่อยเกรงจะไม่ปลอดภัยเพราะหูตาของตำรวจมีมาก วังก็ได้บอกกับสร้อยว่าชีวิตของเขาก็ต้องเสี่ยงอยู่วันยังค่ำ สร้อยจึงสาบานว่าความรักของเธอจะมีแค่วังเพียงคนเดียวเท่านั้นซึ่งวังก็ได้สาบานเช่นกันว่าจะมีแค่สร้อยเพียงคนเดียวเท่านั้น

ทางด้านอรชาที่กำลังจะหนีได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือดังมาจากในถ้ำ ก็ได้แอบเข้าไปและได้เห็นหญิงชราสติไม่ดีคนหนึ่งจึงเข้าไปพูดคุยและหญิงชราได้พูดออกมาว่าอรชาคือลูกของอำนาจ ทำให้อรชาได้รู้ว่าอำนาจพ่อของเธอมีความแค้นบางอย่างกับหญิงชราคนนี้ และหญิงชราพยายามที่จะฆ่าอรชาแต่พลายเข้ามาช่วยไว้ทัน อรชาจึงต่อว่าพลายว่าไม่มีสัจจะจับผู้หญิงไม่มีทางสู้มาขังจนเสียสติ พลายโมโหจึงสั่งให้ลูกน้องพาอรชาไปขัง เมื่อถึงกำหนดพลายได้พาอรชามาพบกับอำนาจที่มาพร้อมกับเงิน แต่อำนาจคิดไม่ซื่อสั่งลูกน้องคนสนิทยิงลูกน้องของพลายตายเพื่อหมายจะจับตายพลายแต่ออกคำสั่งห้ามยิงโดนอรชา พลายกับอรชาจึงต้องหนีหัวซุกหัวซุน โดยมีทิมอดีตเพื่อนรักที่แค้นพลายและไปเข้ากับอำนาจตามมาสมทบด้วย แต่ในที่สุดพลายก็ถูกจับได้ อำนาจจึงสั่งให้ทิมคุมตัวพลาย แต่พลายก็ยียวนบอกว่าตัวเองเป็นชาติเสือส่วนทิมเป็นชาติหมาไม่คู่ควรที่จะร้องขอชีวิตทำให้ทิมโกรธฟาดพานปืนใส่หน้าพลายจนสลบและจะตามไปยิงซ้ำแต่อำนาจสั่งห้ามไว้ก่อน

จากนั้นอำนาจสั่งให้ลูกน้องจับพลายไปขึงพืดกลางแดดแต่พลายก็ยังยียวนใส่ลูกน้องของอำนาจจนเกือบโดนอัดโชคดีที่อำนาจห้ามไว้ อำนาจจึงบอกกับพลายว่าถึงตัวจะตายแต่ชื่อของเสือพลายก็จะดังลือกระฉ่อนเพราะจะมีการปล้นในชื่อของเสือพลายมากขึ้น พลายจึงถุยน้ำลายใส่อำนาจทำให้อำนาจโกรธจะใช้ดาบเฉือนพลายเป็นชิ้น ๆ แต่ก็ทำให้อำนาจได้เห็นปานที่อกข้างซ้ายของพลายทำให้อำนาจนึกถึงเรื่องราวในอดีตขณะกำลังเล่นน้ำกับลูกชาย 2 คนทำให้ฆ่าไม่ลงได้แต่สั่งให้ลูกน้องคุมตัวพลายเอาไว้อย่างดีอย่าให้หนีไปได้และสั่งห้ามใครทำอะไรพลายก่อนเดินกลับเข้าบ้านทำให้ลูกน้องงงกันเป็นแถว

ก่อนจะเดินกลับเข้าบ้านอำนาจก็ได้เห็นอรชานั่งอยู่กับระบิลจึงได้เกิดการโต้เถียงกันขึ้นเพราะอำนาจไม่ยอมให้ความร่วมมือกับระบิลในการสอบปากคำเรื่องอรชาถูกพลายจับตัวไปและเชิญให้กลับออกไปแต่ก่อนจะออกไปอำนาจก็ได้เห็นปานที่หลังใบหูซ้ายของระบิลจึงเกิดความสงสัยขึ้นว่าพลายกับระบิลอาจจะเป็นลูกของตนที่เกิดกับ บุญเรือน (จุรี โอศิริ) อดีตภรรยาจึงเรียกแม่บ้านมาสอบถามแต่แม่บ้านก็สั่งให้เงียบเอาไว้เพราะกลัวอรชาจะได้ยินอำนาจจึงโพล่งออกไปว่าอรชาไม่ใช่ลูกของตัวเองแต่เป็นเด็กที่ขอมาเลี้ยงโดยไม่รู้เลยว่าอรชามาได้ยินพอดี อรชาเสียใจจึงแอบมาช่วยพลายและพาหนีออกมาแต่เจอกับกำแหงและลูกน้องจึงเกิดการยิงต่อสู้กันขึ้นระหว่างนั้นวังกับเกลือที่พามาได้มาช่วยยิงสกัดทำให้พลายและอรชาหนีรอดไปได้ พลายจึงถามเกลือว่ามาช่วยทำไมเกลือจึงบอกจุดประสงค์ความตั้งใจของตัวเองว่าจะไปเป็นเสือกับพลายและวังแต่พลายได้ขอบคุณและขอให้เกลือล้มเลิกความตั้งใจ

ส่วนอรชากับพลายก็ได้แยกจากกัน อรชาจึงถูกอำนาจตบสั่งสอนและด่าทำให้อรชาเสียใจหนีออกจากบ้านมาพบกับพลายโดยมี เหมือน (เชาว์ แคล่วคล่อง) พี่ชายของบุญเรือนติดตามมาด้วยและทำให้เหมือนได้พบกับบุญเรือนอีกครั้ง เหมือนจึงเดินทางไปพบกับอำนาจถึงที่บ้านและเกิดการต่อสู้กันขึ้นจึงได้รู้ความจริงจากปากของเหมือนว่าเขากับอำนาจเป็นเพื่อนรักกันแต่อำนาจกลับฉุดบุญเรือนน้องสาวของเหมือนมาข่มขืนจนตั้งท้องและคลอดลูกชาย 2 คนคือ พลายและระบิล และทั้ง 3 กำลังจะฆ่ากันเพราะอำนาจบอกระบิลให้นำกำลังบุกไปถล่มชุมเสือของพลายและเตรียมซ้ำถ้าใครเสียที ด้านสร้อยถูกทิมและลูกน้องรุมข่มขืนส่วนวังแค้นใจที่มาช่วยสร้อยไม่ทันเพราะบาดเจ็บที่เท้าจึงยิงลูกน้องของทิมตายหมดและขณะที่วังกำลังปลอบสร้อยก็ถูกทิมยิงได้รับบาดเจ็บโดยไม่มีโอกาสต่อสู้เพราะกระสุนหมด แต่ทิมก็ถูกสร้อยยิงด้วยลูกซองจนตาย ส่วนอำนาจ อรชา และเหมือนพยายามมาห้ามไม่ให้ฆ่ากันแต่สุดท้ายอำนาจถูกกำแหงยิงตาย ส่วนกำแหงก็ถูกระบิลยิงตายเช่นกัน

นักแสดง แก้

ตัวละคร ภาพยนตร์ฉบับปี 2520 ภาพยนตร์ฉบับปี 2530 (ในชื่อ รอยเสือ)
เสือพลาย กรุง ศรีวิไล สรพงศ์ ชาตรี
ร้อยตำรวจเอกระบิล ไพโรจน์ ใจสิงห์ อภิชาติ หาลำเจียก
นายอำนาจ อดินันท์ สิงห์หิรัญ ครรชิต ขวัญประชา
เสือวัง สรพงศ์ ชาตรี จิระศักดิ์ ปิ่นสุวรรณ
เสือทิม ดามพ์ ดัสกร ไพโรจน์ ใจสิงห์
อรชา ภาวนา ชนะจิต สุนทรี ละม่อม
สร้อย เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์
โสภิณ เรวดี ปัตตะพงษ์
เกลือ จิระศักดิ์ ปิ่นสุวรรณ
ผู้ใหญ่กำแหง มานพ อัศวเทพ
หาญ วิทยา สุขดำรงค์

อ้างอิง แก้