กีฬามวยปล้ำในโอลิมปิกฤดูร้อน
บทความนี้ไม่มีการอ้างอิงจากแหล่งที่มาใด |
กีฬามวยปล้ำ (อังกฤษ: Wrestling) มีมาตั้งแต่โอลิมปิกสมัยโบราณ และถือว่าเป็นการแข่งขันที่เก่าแก่ที่สุดในบรรดากีฬาทั้งหลาย เมื่อโอลิมปิกสมัยโบราณเกิดขึ้นในปี 776 ก่อนคริสตกาล มวยปล้ำก็เป็นกีฬาชนิดหนึ่งที่รวมอยู่ด้วยและก็ยังเป็นกีฬาหลักสืบต่อมา
กีฬามวยปล้ำในโอลิมปิกฤดูร้อน | |
---|---|
สัญลักษณ์กีฬามวยปล้ำ | |
หน่วยงาน | ยูดับบลิวดับบลิว |
รายการ | 18 (ชาย: 12; หญิง: 6) |
การแข่งขัน | |
เมื่อเข้าสู่โอลิมปิกยุคปัจจุบันที่เริ่มในปี ค.ศ. 1896 คณะกรรมการจัดการแข่งขันมีความคิดที่จะพยายามเชื่อมโยงไปถึงสมัยโบราณโดยเสาะหากีฬาที่นิยมกันในทุกหย่อมหญ้า สร้างความบันเทิงให้แก่ผู้คนในสมัยนั้น ไม่ว่าในกรีซ อาณาจักรอัสซีเรีย บาบีลอน ตลอดจนอินเดีย จีน และญี่ปุ่น แล้วในที่สุด พวกเขาก็ได้พลิกฟื้นกีฬามวยปล้ำแบบที่เชื่อว่าพวกกรีก กับโรมันนิยมในสมัยก่อน เรียกว่า มวยปล้ำสไตล์เกร๊กโก-โรมัน (Greco-Roman) ให้คืนชีพขึ้นมา สไตล์นี้นักมวยปล้ำจะใช้แต่แขนและส่วนที่อยู่เหนือเอวขึ้นไปในการต่อสู้ และการจับคู่ต่อสู้ก็ต้องจับที่บริเวณแขนหรือส่วนบนของลำตัวเท่านั้น มวยปล้ำเกร๊กโก-โรมันนั้นเป็นที่นิยมในทวีปยุโรป ต่อมาในโอลิมปิกครั้งที่ 3 ที่เซนต์หลุยส์ สหรัฐอเมริกา ปี 1904 ก็เกิดมวยปล้ำสไตล์ใหม่ขึ้นมา เรียกว่า แบบฟรีสไตล์ (Freestyle) ซึ่งอนุญาตให้ใช้ขาได้ โดยได้รับความนิยมจากทั่วโลกมากกว่าแบบแรก เพราะสามารถใช้ทุกส่วนของร่างกายได้
มวยปล้ำแบบฟรีสไตล์ถูกงดในโอลิมปิก 1912 ที่สวีเดน ให้มีแต่แบบเกร๊กโก-โรมัน ซึ่งก็เป็นเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ซึ่งในสมัยนั้นยังไม่มีการกำหนดเวลาแบ่งเป็นยก
ตลอดระยะเวลาหลายปีนักมวยปล้ำจากทวีปยุโรปครองความเป็นจ้าวในมวยปล้ำแบบเกร๊กโก-โรมัน ส่วนแบบฟรีสไตล์นั้นไม่มีชาติใดโดดเด่นแต่เพียงผู้เดียว
และล่าสุด เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2013 ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปีของคณะกรรมการโอลิมปิกสากล ได้มีมติ ให้ถอดถอนการแข่งขันกีฬาชนิดนี้ ออกจากการเป็นหนึ่งในชนิดกีฬาของการแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อน โดยจะมีผล หลังจากจบการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 2016 ซึ่งหมายความว่า นับจากการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 2020เป็นต้นไป จะไม่มีการแข่งขันกีฬามวยปล้ำในโอลิมปิกต่อไป
สรุปผล
แก้
|
|