การแปรใช้ใหม่ (อังกฤษ: recycling) เป็นการจัดการวัสดุเหลือใช้ที่กำลังจะเป็นขยะโดยนำไปผ่านกระบวนการแปรสภาพ (โดยเฉพาะการหลอม) เพื่อให้เป็นวัสดุใหม่แล้วนำกลับมาใช้ได้อีก วัสดุที่ผ่านการแปรสภาพนั้นอาจจะเป็นผลิตภัณฑ์เดิมหรือผลิตภัณฑ์ใหม่ก็ได้ การแปรใช้ใหม่มีความหมายต่างจาก การใช้ซ้ำ (reusing) ซึ่งหมายถึง การนำกลับมาใช้ใหม่โดยไม่ผ่านกระบวนการแปรสภาพใด ๆ ทั้งสิ้น

เครื่องหมายรีไซเคิล

ในความเข้าใจของคนบางกลุ่มนั้น การแปรใช้ใหม่ยังหมายถึง การนำวัสดุเหลือใช้กลับมาปรับเปลี่ยนรูปแบบหรือพัฒนารูปร่างใหม่ให้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในรูปแบบอื่น ๆ เช่น ขวดน้ำพลาสติก หากนำมาใช้ใส่น้ำอีกครั้งเป็นการใช้ซ้ำ แต่ถ้านำเอาขวดนำพลาสติกมาตัดให้เป็นกระป๋อง แล้วนำไปใช้ตัดดินบรรจุในถุง หรือนำขวดพลาสติกมาตัดครึ่งทำเป็นแจกันใส่ดอกไม้หรือเป็นที่ใส่ปากกา มักถูกเรียกว่าเป็นการแปรขวดน้ำพลาสติกเพื่อใช้ใหม่

ประวัติศาสตร์ แก้

ต้นกำเนิด แก้

การแปรใช้ใหม่ได้รับการปฏิบัติทั่วไปในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติส่วนใหญ่ หลักฐานที่มีการบันทึกไว้สามารถย้อนกลับไปในอดีตอันยาวนานถึงยุคของเพลโตเมื่อ 400 ปีก่อนคริสต์ศักราช จากการศึกษาทางโบราณคดีเกี่ยวกับการทิ้งขยะของเสียในยุคโบราณแสดงให้เห็นว่า ในช่วงระยะเวลาที่ทรัพยากรเริ่มหายากขึ้นนั้น ขยะจากบ้านเรือน (เช่น เถ้า เครื่องมือหัก เครื่องปั้นดินเผา) จะมีปริมาณน้อยลง บ่งบอกได้ถึงการนำขยะจำนวนไม่น้อยกลับไปแปรใช้ใหม่ เพราะไม่มีวัสดุใหม่มาแทนของเดิม[1]

 
โปสเตอร์ของอเมริกาในยุคสมัย สงครามโลกครั้งที่สอง (World War II)

ในยุคก่อนอุตสาหกรรม (pre-industrial) มีหลักฐานว่าเศษทองเหลืองและโลหะอื่น ๆ ถูกเก็บรวบรวมและนำไปหลอมเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ในยุโรป[2] ในสหราชอาณาจักร ขี้ฝุ่นและขี้เถ้าจากการเผาไหม้ไม้ฟืนและจากไฟถ่านหิน (coal fire)[3] จะถูกเก็บรวบรวมโดยคนเก็บขยะ (dustmen)[4] และนำไปแปรสภาพใหม่แม้จะมีคุณภาพด้อยลง (downcycled)[5] เพื่อใช้เป็นวัสดุพื้นฐานในการทำอิฐ แรงขับเคลื่อนหลักของการแปรใช้ใหม่ประเภทนี้มาจากผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจในการได้เชื้อเพลิงจากวัสดุที่แปรใช้ใหม่แทนที่จะต้องซื้อวัตถุดิบบริสุทธิ์ทั้งหมด รวมทั้งความบกพร่องในการกำจัดขยะสาธารณะในพื้นที่ที่มีประชากรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นมาก[1] ในปี 1813, เบนจามิน ลอว์ (Benjamin Law) จากเมืองแบตลีย์ ในมณฑลยอร์กเชอร์ ของอังกฤษ (Batley, Yorkshire) ได้พัฒนากระบวนการของการเปลี่ยนเศษผ้าที่ไม่ใช้แล้ว (rag) ให้กลายเป็น 'เส้นใยที่ได้จากเศษผ้าเก่า ๆ' (shoddy) และผ้าขนสัตว์คุณภาพต่ำ หรือ 'มังโก' (mungo) วัสดุชนิดใหม่นี้จะรวมประสานเส้นใยที่ได้จากการแปรใช้ใหม่กับขนสัตว์บริสุทธิ์ (virgin wool) เข้าไว้ด้วยกัน ในเขตมณฑลยอร์กเชอร์ทางภาคตะวันตก (West Yorkshire) อุตสาหกรรมเส้นใยที่ได้จากเศษผ้าขี้ริ้วในเขตเมือง เช่น แบตลีย์ และ ดิวส์เบอรี่ (Dewsbury), กินระยะเวลามาตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 19 ไปจนถึงปี 1914 เป็นอย่างน้อย

วัสดุที่สามารถแปรใช้ใหม่ แก้

วัสดุที่ไม่สามารถแปรใช้ใหม่ แก้

อ้างอิง แก้

  1. 1.0 1.1 Black Dog Publishing (2006). Recycle : a source book. London, UK: Black Dog Publishing. ISBN 1-904772-36-6.
  2. "The truth about recycling". The Economist. 7 June 2007.
  3. http://taragraphies.org/tag/coal-fires/
  4. http://writer.dek-d.com/5o_o5/story/view.php?id=754423
  5. http://cbs.grundfos.com/thailand/downloads/Download_Files/Sustain_handbook_GTH.pdf

หนังสืออ่านเพิ่ม แก้

แหล่งข้อมูลอื่น แก้