การเลือกตั้งในสหรัฐ ค.ศ. 2018

การเลือกตั้งสหรัฐอเมริกา พ.ศ.2561 ถูดจัดให้มีขึ้นเมื่อวันอังคารที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 (ค.ศ. 2018) โดยมีการแข่งขันชิงตำแหน่งชิงตำแหน่งทางการเมืองที่ว่างลง ทั้งในระดับสหพันธรัฐ ระดับมลรัฐ และระดับท้องถิ่น. การเลือกตั้งมิดเทอมปี 2018 เป็นการเลือกตั้งในช่วงกึ่งกลางของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรกของ นายโดนัลด์ ทรัมป์. ที่นั่งทั้งหมดในสภาผู้แทนสหรัฐฯ ทั้ง 435 ที่นั่ง และที่นั่งวุฒิสภา 35 ที่นั่ง (จากทั้งหมด 100 ที่นั่ง) ถูกเปิดให้มีการลงคะแนนเสียงทั่วประเทศ เพื่อหาผู้เข้ารับตำแหน่งคนใหม่มาแทนที่นักการเมืองคนเก่า ที่ดำรงตำแหน่งมาจนครบวาระ หรือกำลังจะเกษียณอายุ. นอกจากนี้ยังมีการลงชิงตำแหน่งผู้ว่าการรัฐ 39 ที่นั่ง รวมไปถึงตำแหน่งว่างทางการเมืองในระดับมลรัฐ และการปกครองท้องถิ่นอื่นๆ.

การเลือกตั้งสหรัฐอเมริกา พ.ศ.2561
การเลือกตั้งการเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯ
การแย่งชิงที่นั่ง6 พศจิกายน
ประธานาธิบดีที่ดำรงตำแหน่งโดนัลด์ ทรัมป์ (พรรคริพับลิกัน)
การเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา
การควบคุมสภา พรรคริพับลิกันรักษาการควบคุม
การแย่งชิงที่นั่ง33 ที่นั่งในชั้นที่ 1 (Class I) (+ การเลือกตั้งวิสามัญ 2 ที่นั่งใน Class II)
ผลการเลือกตั้งวุฒิสภาปี พ.ศ.2561 (รัฐมินนิโซตาและรัฐมิสซิสซิปปีมีการเลือกตั้งวุฒิสภาสองที่นั่ง):
     พรรคเดโมเครตรักษาที่นั่ง     พรรคริพับลิกันรักษาที่นั่ง
     พรรคเดโมเครตได้ที่นั่ง      พรรคริพับลิกันได้ที่นั่ง
     ผู้สมัครอิสระรักษาที่นั่ง
การเลือกตั้งผู้แทนราษฎร
ที่นั่งที่เปิดให้เลือกตั้งที่นั่งที่ออกเสียงได้ทั้งหมด 435 ที่นั่ง (+5 จาก 6 ที่นั่งที่ไม่มีสิทธิออกเสียง)
การเลือกตั้งผู้ว่าการรัฐ
39 (36 รัฐ, 3 ดินแดน)
  ผู้ดำรงตำแหน่งปัจจุบันจากพรรคเดโมแครตที่มีคุณสมบัติรับเลือกตั้งอีกสมัยได้
  ผู้ดำรงตำแหน่งปัจจุบันจากพรรคเดโมแครตที่ครบวาระแล้ว หรือจะวางมือ
  ผู้ดำรงตำแหน่งปัจจุบันจากพรรครีพับลิกันที่มีคุณสมบัติลงรับเลือกตั้งใหม่ได้
  ผู้ดำรงตำแหน่งปัจจุบันจากพรรครีพับลิกันที่ครบสมัยแล้ว หรือจะวางมือ
  ผู้ดำรงตำแหน่งปัจจุบันอิสระที่จะวางมือ
  ไม่มีการเลือกตั้ง

การเลือกตั้งสหรัฐอเมริกา พ.ศ.2561 เป็นการเลือกตั้งมิดเทอมที่ก่อให้เกิดความตื่นตัว และความกระตือรือร้นทั้งจากภาคประชาชน จากทางพรรคสถาบันการเมืองของสหรัฐฯ และจากผู้สังเกตการณ์ต่างชาติ มากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมืองของสหรัฐอเมริกา. ในพรรคภาคประชาชน พบว่ามีการลงคะแนนเสียงล่วงหน้าเป็นจำนวนมากถึง 2 เท่า เมื่อเทียบกับการเลือกตั้งใหญ่ทั่วประเทศในปี ค.ศ. 2016.[1] พรรคการเมือง และพรรคสนับสนุนทางการเมืองของทั้งพรรครีพับลิกัน และพรรคเดโมแครต ใช้งบประมาณมหาศาลในการซื้อโฆษณา และลงทุนติดตั้งป้ายหาเสียงเลือกตั้ง. แหล่งข้อมูลจาก Center for Responsive Politics เปิดเผยว่าเงินจำนวนกว่า $5.2 พันล้าน ถูกใช้จ่ายในแคมเปญจ์รณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง เพิ่มขึ้นจาก $4.4 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2016 ทำให้การเลือกตั้งมิดเทอม 2018 เป็นการเลือกตั้งที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์[2] โดยมีการใช้เทคนิคการโฆษณาชวนเชื่อ (propaganda) และการเผยแพร่ข่าวหลอก (fake news) ทั้งในสื่อกระแสหลัก และทางสื่อโซเชียลเพื่อก่อกวน บิดเบือนข้อเท็จจริง และสร้างความสับสนแก่ประชาชน. นอกจากนี้ยังมีรายงานว่านักแฮ็กเกอร์ หรือสายลับที่ทำงานให้กับมหาอำนาจต่างชาติ ได้แก่ รัสเซีย และสาธารณะประชาชนจีน[3] ได้พยายามสอดเข้ามายุ่งเกี่ยวโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อโน้มน้าวผลการเลือกตั้งอีกด้วย.

ผลของการเลือกตั้งปรากฏว่า พรรคเดโมแครตสามารถช่วงชิงอำนาจการควบคุมในสภาผู้แทนฯได้ ส่วนพรรครีพับลิกันสามารถชิงเก้าอี้สมาชิกวุฒิสภาเพิ่มขึ้นจากเดิม ทำให้พรรครีพับลิกัน (GOP) สามารถควบคุมทิศทางของวุฒิสภา (สภาเซเนต) ได้ต่อไป.

อ้างอิง แก้

  1. Cranley, Ellen (November 3, 2018). "Here are all the states where you can vote early in the midterm elections". Business Insider. สืบค้นเมื่อ 2018-11-07.
  2. Gal, Shayanne (November 3, 2018). "The 2018 midterms will be the most expensive in history – here are the candidates who have raised and spent the most money since Trump's election". Business Insider. สืบค้นเมื่อ 2018-11-07.
  3. Mark Landler (September 26, 2018). "Trump Accuses China of Interfering in Midterm Elections". The New York Times.