คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (ประเทศไทย)

คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ[2] (อังกฤษ: National Human Rights Commission of Thailand) เป็นคณะบุคคลจำนวน 7 คน ซึ่งประกอบด้วย ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติและกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งตามคำแนะนำของวุฒิสภา จากผู้ซึ่งมีความรู้หรือประสบการณ์ด้านการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนเป็นที่ประจักษ์ ทั้งนี้ โดยต้องคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของผู้แทนจากองค์การเอกชนด้านสิทธิมนุษยชนด้วย

คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
ไฟล์:สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ.jpg
สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
ภาพรวมหน่วยงาน
ก่อตั้ง13 กรกฎาคม 2544 (2544-07-13)
สำนักงานใหญ่ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550
งบประมาณต่อปี220.7847 ล้านบาท (พ.ศ. 2558)[1]
เว็บไซต์www.nhrc.or.th

คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติมีวาระการดำรงตำแหน่งเจ็ดปีนับแต่วันที่พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้ง และให้ดำรงตำแหน่งได้เพียงวาระเดียว โดยมีสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (อังกฤษ: Office of the National Human Rights Commission of Thailand) เป็นหน่วยงานราชการ ที่มีฐานะเป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย สนับสนุนการทำงานของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ปฏิบัติราชการภายใต้อำนาจหน้าที่ ปัจจุบันมีนายแพทย์พิทักษ์พล บุญยมาลิก เป็น เลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ

อำนาจหน้าที่

แก้
  1. ตรวจสอบและรายงานการกระทำหรือการละเลยการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน หรืออันไม่เป็นไปตามพันธกรณี ระหว่างประเทศเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนที่ประเทศไทยเป็นภาคี และเสนอมาตรการการแก้ไขที่เหมาะสมต่อบุคคลหรือหน่วยงานที่กระทำ หรือละเลยการกระทำดังกล่าวเพื่อดำเนินการ ในกรณีที่ปรากฏว่าไม่มีการดำเนินการตามที่เสนอ ให้รายงานต่อรัฐสภาเพื่อดำเนินการต่อไป
  2. เสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย กฎ ข้อบังคับ ต่อรัฐสภาและคณะรัฐมนตรีเพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
  3. ส่งเสริมการศึกษา การวิจัย และการเผยแพร่ความรู้ด้านสิทธิมนุษยชน
  4. ส่งเสริมความร่วมมือและการประสานงานระหว่างหน่วยราชการ องค์การเอกชน และองค์การอื่นในด้านสิทธิมนุษยชน
  5. จัดทำรายงานประจำปีเพื่อประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชน ภายในประเทศและเสนอต่อรัฐสภา
  6. อำนาจหน้าที่อื่นตามที่กฎหมายบัญญัติ

ในการปฏิบัติหน้าที่ ต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวมของชาติและของประชาชนประกอบด้วย คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ มีอำนาจเรียกเอกสาร หรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องจากบุคคลใด หรือเรียกบุคคลใดมาให้ถ้อยคำ รวมทั้งมีอำนาจอื่นเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายบัญญัติ

คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ

แก้
ชุดที่ 1 (พ.ศ. 2544-2552) ชุดที่ 2 (พ.ศ. 2552-2558) ชุดที่ 3 (20 พ.ย.2558 -2564) ชุดที่ 4 (25 พ.ค.2564[3] -ปัจจุบัน)

อ้างอิง

แก้

แหล่งข้อมูลอื่น

แก้