เตียโก อัลกันตารา

เตียโก อัลกันตารา โด นัสซิเมนโต (สเปน: Thiago Alcántara do Nascimento; เกิด 11 เมษายน ค.ศ. 1991)[1] เรียกสั้น ๆ ว่า เตียโก (ภาษาสเปน: [ˈtjaɣo]; สำเนียงบราซิล: [tʃiˈaɡu])[3][4] ปัจจุบันเล่นในตำแหน่งกองกลางให้กับลิเวอร์พูล ในพรีเมียร์ลีกและทีมชาติสเปน

เตียโก อัลกันตารา
เตียโกขณะเล่นให้กับสเปนใน ค.ศ. 2019
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อเต็ม เตียโก อัลกันตารา โด นัสซิเมนโต[1]
วันเกิด (1991-04-11) 11 เมษายน ค.ศ. 1991 (33 ปี)
สถานที่เกิด ซานปีเอโตรเวร์โนตีโก อิตาลี
ส่วนสูง 1.74 เมตร (5 ฟุต 9 นิ้ว)[2]
ตำแหน่ง กองกลาง
ข้อมูลสโมสร
สโมสรปัจจุบัน
ลิเวอร์พูล
หมายเลข 6
สโมสรเยาวชน
1995–1996 ฟลาเม็งกู
1996–2000 Ureca
2000–2001 Kelme
2001–2005 ฟลาเม็งกู
2005–2008 บาร์เซโลนา
สโมสรอาชีพ*
ปี ทีม ลงเล่น (ประตู)
2008–2011 บาร์เซโลนา เบ 54 (2)
2009–2013 บาร์เซโลนา 68 (7)
2013–2020 ไบเอิร์นมิวนิก 150 (17)
2020– ลิเวอร์พูล 68 (2)
ทีมชาติ
2007 สเปน อายุไม่เกิน 16 ปี 1 (0)
2007–2008 สเปน อายุไม่เกิน 17 ปี 8 (5)
2009 สเปน อายุไม่เกิน 18 ปี 1 (1)
2009–2010 สเปน อายุไม่เกิน 19 ปี 11 (4)
2010–2013 สเปน อายุไม่เกิน 21 ปี 21 (6)
2011– สเปน 46 (2)
*นัดที่ลงเล่นและประตูที่ยิงให้แก่สโมสรเฉพาะลีกในประเทศเท่านั้น
ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 15:24, 4 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2024 (UTC)
‡ ข้อมูลการลงเล่นและประตูให้แก่ทีมชาติล่าสุด
ณ วันที่ 23:47, 6 กรกฎาคม ค.ศ. 2021 (UTC)

เตียโกเกิดที่อิตาลีโดยมีบิดามารดาเป็นชาวบราซิล บิดาของเขา มาซิญโญ เป็นอดีตนักฟุตบอลในชุดชนะเลิศฟุตบอลโลกและเล่นให้กับเลชเชในเซเรียอาในช่วงที่เขาเกิด เตียโกย้ายร่วมบาร์เซโลนาในวัย 14 ปี และลงเล่นให้กับทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรกใน ค.ศ. 2009 หลังจากที่พาทีมชนะเลิศลาลิกาสี่สมัย ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกและฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก เขาได้เซ็นสัญญากับไบเอิร์นด้วยค่าตัว 25 ล้านยูโรใน ค.ศ. 2013 เขาพาไบเอิร์นคว้าถ้วยรางวัลถึง 16 ใบ ซึ่งรวมถึงบุนเดิสลีกาเจ็ดสมัยและยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 2020 โดยแชมเปียนส์ลีกนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของทริปเปิลแชมป์

หลังจากที่พาทีมชาติสเปนรุ่นอายุไม่เกิน 19 และ 20 ปีเข้าร่วมแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปเยาวชน เขาลงเล่นให้กับทีมชาติชุดใหญ่ครั้งแรกใน ค.ศ. 2011 เขาเกือบเป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติสเปนในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 แต่ได้ถอนตัวเนื่องจากบาดเจ็บที่เข่า เตียโกถูกเลือกติดทีมชาติในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2016 และฟุตบอลโลก 2018

สโมสรอาชีพ แก้

ช่วงแรก แก้

เตียโกเกิดที่ซานปีเอโตรเวร์โนตีโกในอิตาลี ซึ่งในตอนนั้น มาซิญโญ บิดาของเขา (ผู้เล่นทีมชาติบราซิลตั้งแต่ ค.ศ. 1989 ถึง 1994) เล่นให้กับเลชเช เขาเริ่มเล่นฟุตบอลเยาวชนให้กับฟลาเม็งกูในบราซิล ต่อมาเมื่ออายุได้ห้าขวบ เขาได้ย้ายไปสเปนพร้อมกับบิดา และเริ่มเล่นให้กับยูเรชา ทีมในแคว้นกาลิเซีย ใน ค.ศ. 2001 เขาเล่นให้กับเคลเม ในขณะที่บิดาเล่นให้กับเอลเช[5][6] เขาย้ายกลับฟลาเม็งกูเมื่อตอน 10 ขวบ และใน ค.ศ. 2005 ได้ย้ายกลับสเปนอีกครั้งพร้อมเซ็นสัญญากับบาร์เซโลนา ซึ่งลูกพี่ลูกน้องของเขา มารีเอลู ดอส ซังตูส ก็เล่นให้กับสโมสรนี้[7]

บาร์เซโลนา แก้

วันที่ 17 พฤษภาคม ค.ศ. 2009 เตียโกในวัย 18 ปี ลงเล่นนัดแรกให้กับทีมชุดแรกในฐานะตัวสำรองแทนเอย์ดืร์ กวึดยอนแซนในนาทีที่ 74 ในนัดที่แพ้ 1–2 มายอร์กา ซึ่งบาร์เซโลนาคว้าแชมป์ลีกไปเรียบร้อยแล้ว[8] นัดนั้นเป็นการลงเล่นเพียงนัดเดียวของเขาในฤดูกาลนั้น[9]

วันที่ 20 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2010 เขาลงเล่นเป็นตัวสำรองแทนยาย่า ตูเรในนาทีที่ 76 และทำประตูแรกในนามสโมสรช่วยให้เปิดบ้านเอาชนะราซินเดซันตันเดร์ 4–0[10] ต่อมาเขาทำประตูที่สามในนัดที่พบกับเรอัลโซซิเอดัดเมื่อวันที่ 29 เมษายน นัดนั้นเขาลงเล่นเป็นตัวจริงและบาร์เซโลนาแพ้ไป 2–1[11] เขาจบฤดูกาล 2010–11 ด้วยการลงเล่น 17 นัด ทำ 3 ประตูและ 3 แอสซิสต์ เขามีชื่อเป็นตัวสำรองในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ 2011 ที่พบกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดที่สนามกีฬาเวมบลีย์[12]

เตียโกเริ่มต้นฤดูกาล 2011–12 ด้วยการลงเล่นในซูเปร์โกปาเดเอสปัญญา เลกแรก ที่พบกับเรอัลมาดริด เขาถูกเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 58 และชาบีลงแล่นแทน เขามีชื่อเป็นสำรองในยูฟ่าซูเปอร์คัพ 2011 ที่บาร์เซโลนาเอาชนะโปร์ตู เขาทำประตูในนัดเปิดสนามลาลิกาของบาร์เซโลนาที่เปิดบ้านเอาชนะบิยาร์เรอัล 5–0[13] ต่อมาในวันที่ 18 ธันวาคม เขาลงเล่นเป็นตัวจริงในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลกที่บาร์เซโลนาเอาชนะซังตุสที่สนามกีฬานานาชาติโยโกฮามะ 4–0[14] เตียโกทำประตูที่ห้าของบาร์เซโลนาในนัดที่เอาชนะราโยบาเยกาโน 7–0 เมื่อวันที่ 29 เมษายน[15]

ไบเอิร์นมิวนิก แก้

2013–15: ฤดูกาลแรกและอาการบาดเจ็บ แก้

ผมพูดกับสโมสรเกี่ยวกับแนวทางของผมและบอกพวกเขาว่าทำไมผมต้องการเตียโก เขาเป็นผู้เล่นเพียงคนเดียวที่ผมต้องการ ไม่มีใครอื่นนอกจากเขา

เปป กวาร์ดิโอลา กล่าวกับสื่อมวลชนก่อนเซ็นสัญญา[16]

วันที่ 14 กรกฎาคม ค.ศ. 2013 เตียโกเซ็นสัญญาสี่ปีกับไบเอิร์นมิวนิกในบุนเดิสลีกาด้วยค่าตัว 25 ล้านยูโร[17] ไบเอิร์นจะจ่ายเงิน 20 ล้านยูโรโดยตรงแก่บาร์เซโลนา และจะจัดเกมกระชับมิตรระหว่างสองทีม เตียโกจะได้รับเงินที่บาร์เซโลนาติดหนี้กับเขาไว้[18] การย้ายตัวเกิดขึ้นแม้ว่าบาร์เซโลนาเพิ่งจะขยายสัญญากับเตียโกใน ค.ศ. 2011 ทำให้เขามีค่าปล่อยตัวสูงถึง 90 ล้านปอนด์[19] บาร์เซโลนาล้มเหลวในการบรรลุเงื่อนไขสัญญาเนื่องจากเขาไม่ได้ลงเล่นด้วยเวลาที่เพียงพอ ค่าซื้อตัวของเขาจึงลดลงเหลือ 18 ล้านยูโร[19] ผู้จัดการทีมคนใหม่ของไบเอิร์น เปป กวาร์ดิโอลา กล่าวก่อนที่เตียโกจะย้ายมาไบเอิร์นว่า "ผมพูดกับสโมสรเกี่ยวกับแนวทางของผมและบอกพวกเขาว่าทำไมผมต้องการเตียโก เขาเป็นผู้เล่นเพียงคนเดียวที่ผมต้องการ ไม่มีใครอื่นนอกจากเขา"[20]

เตียโกลงเล่นนัดแรกให้กับไบเอิร์นในเดเอ็ฟเอ็ล-ซูเพอร์คัพที่พ่ายแพ้ต่อโบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ 4–2 เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม เขาลงเล่นนัดแรกในบุนเดิสลีกาในนัดที่บุกเอาชนะไอน์ทรัคท์ฟรังค์ฟวร์ท 0–1 เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ค.ศ. 2013[21]

วันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 2013 เขาทำประตูแรกให้กับไบเอิร์นในฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 2013 ช่วยให้เอาชนะรายาคาซาบลังกาจากโมร็อกโก 2–0[22] ต่อมาในวันที่ 29 มกราคม ค.ศ. 2014 เขาทำประตูแรกในบุนเดิสลีกาใส่ชตุทการ์ท โดยประตูนี้ได้รับการลงคะแนนให้เป็นประตูยอดเยี่ยมประจำเดือน[23] นอกจากนี้ เขายังแอสซิสต์ให้เกลาดิโอ ปิซาร์โรทำประตูแรกช่วยให้ไบเอิร์นเอาชนะ 2–1[24] สี่วันถัดมา ในนัดที่พบกับไอน์ทรัคท์ฟรังค์ฟวร์ท เขาสัมผัสบอลถึง 185 ครั้ง นับเป็นสถิติสูงสุดของบุนเดิสลีกา[25] วันที่ 23 กุมภาพันธ์ เตียโกทำสองประตูช่วยให้ทีมเอาชนะฮันโนเฟอร์ 96 4–0[26] อย่างไรก็ตาม เอ็นเข่าของเขาขาดในนัดที่พบกับ 1899 ฮ็อฟเฟินไฮม์ในอีกหกวันถัดมา[27] ทำให้ต้องจบฤดูกาลด้วยการทำ 2 ประตูจากการลงเล่นในบุนเดิสลีกา 16 นัด[28] นอกจากนี้ เขายังลงเล่นในเยอรมันคัพ 2 นัด[28] แชมเปียนส์คัพ 4 นัด[28] เยอรมันซูเพอร์คัพ 1 นัด[9] และทำหนึ่งประตูจากการลงเล่นในฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 2 นัด[9]

 
เตียโกในการฝึกซ้อมเมื่อ ค.ศ. 2015

หลังจากที่ต้องหยุดพักเป็นระยะเวลาหนึ่งปีเนื่องจากอาการบาดเจ็บ เตียโกกลับมาลงสนามอีกครั้งในวันที่ 4 เมษายน ค.ศ. 2015 โดยลงเล่นแทนที่ฟิลิปป์ ลาห์มในช่วง 21 นาทีสุดท้ายในนัดที่เอาชนะโบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ 1–0[29] สี่วันถัดมา เขาลงเล่นแทนที่ลาห์มอีกครั้งในเดเอ็ฟเบ-โพคาล รอบก่อนรองชนะเลิศที่พบกับไบเออร์เลเวอร์คูเซิน เขาทำประตูชัยในช่วงการดวลลูกโทษหลังจากที่เสมอกันในเวลาแบบไร้ประตู[30] วันที่ 15 เมษายน เขาทำประตูในแชมเปียนส์ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ เลกแรกที่บุกแพ้โปร์ตู 1–3[31] สี่วันถัดมา เขาโหม่งประตูจากลูกเปิดของฆวน เบร์นัต ช่วยให้ทีมเปิดบ้านล้างแค้นเอาชนะโปร์ตู 6–1 ทำให้ไบเอิร์นผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ[32] วันที่ 26 เมษายน หลังจากที่เฟาเอ็ฟเอ็ล ว็อลฟส์บวร์คแพ้ให้กับโบรุสซีอาเมินเชินกลัทบัค เตียโกชนะเลิศบุนเดิสลีกาสมัยที่สองกับไบเอิร์น[33] เขาจบฤดูกาลด้วยการทำสองประตูจากการลงเล่น 13 นัด[34]

2015–17: ดับเบิลแชมป์ในประเทศและความสำเร็จส่วนตัว แก้

วันที่ 27 สิงหาคม ค.ศ. 2015 เตียโกขยายสัญญากับไบเอิร์นอีก 4 ปี[35] ต่อมาในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2016 เขาทำประตูช่วยให้ทีมเอาชนะเฟาเอ็ฟเอ็ล โบคุม 3–0 ในการแข่งขันเดเอ็ฟเบ-โพคาลรอบก่อนรองชนะเลิศ[36] เขาทำสองประตูในนัดที่เปิดบ้านเอาชนะแวร์เดอร์เบรเมิน 5–0 เมื่อวันที่ 12 มีนาคม[37] ต่อมาในวันที่ 17 มีนาคม เตียโกทำประตูช่วยให้ทีมพลิกสถานการณ์จากที่ตามหลังยูเวนตุส 0–2 กลับมาเอาชนะได้ 4–2 ในการแข่งขันยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย[38] เขาจบฤดูกาลด้วยการทำ 4 ประตูและ 7 แอสซิสต์[39] เขาทำ 2 ประตูจากการลงเล่นในบุนเดิสลีกา 27 นัด[40] ทำหนึ่งประตูจากการลงเล่นในเยอรมัน 5 นัด[40] และทำหนึ่งประตูจากการลงเล่นในแชมเปียนส์ลีก 9 นัด[40]

เตียโกเริ่มต้นฤดูกาล 2016–17 ภายใต้การคุมทีมของผู้จัดการทีมคนใหม่อย่างการ์โล อันเชลอตตี ด้วยการพาทีมเอาชนะคู่ปรับตลอดกาลอย่างโบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ 2–0 จนสามารถคว้าแชมป์เดเอ็ฟเอ็ล-ซูเพอร์คัพได้เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ. 2016[41][42] วันที่ 21 กันยายน เขาทำประตูแรกของฤดูกาล ช่วยให้ทีมเอาชนะแฮร์ทา เบเอ็สเซ 3–0[43] เตียโกทำหนึ่งประตูและหนึ่งแอสซิสต์ในนัดที่เอาชนะแอร์เบ ไลพ์ซิช 3–0 เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม ทำให้เขาได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำนัด[44] วันที่ 16 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2017 เขาทำสองประตูและหนึ่งแอสซิสต์ช่วยให้ไบเอิร์นเอาชนะอาร์เซนอล 5–1 ในเลกแรกของยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย[45] วันที่ 28 เมษายน เขาขยายสัญญากับสโมสรอีกสี่ปีหรือจนถึง ค.ศ. 2021[46] เขาทำ 9 ประตูและ 9 แอสซิสต์ตลอดฤดูกาล[47]

2017–20: ผู้เล่นตัวจริงและแชมป์ยุโรป แก้

อาการบาดเจ็บทำให้เตียโกไม่สามารถลงเล่นในการแข่งขันนัดแรกของฤดูกาล 2017–18 ซึ่งเป็นเดเอ็ฟเอ็ล-ซูเพอร์คัพที่ไบเอิร์นเอาชนะโบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ในการยิงลูกโทษ 5–4 เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ค.ศ. 2017[48][49] ต่อมาในวันที่ 26 ตุลาคม เขาทำประตูตามตีเสมอแอร์เบ ไลพ์ซิช 1–1 ในเดเอ็ฟเบ-โพคาล รอบที่สอง ก่อนที่ไบเอิร์นจะสามารถเอาชนะการยิงลูกโทษไปได้ 5–4[50] วันที่ 23 พฤศจิกายน เขาถูกเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 44 เนื่องจากอาการบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อต้นขาในนัดที่ไบเอิร์นบุกเอาชนะอันเดอร์เลคต์ 2–1 ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ยุพ ไฮน์เคิส ผู้จัดการทีม ยืนยันว่าเขาจะต้องพักยาว[51][52] เตียโกกลับมาลงเล่นเป็นตัวจริงอีกครั้งในนัดที่บุกเอาชนะเฟาเอ็ฟเอ็ล ว็อลฟส์บวร์ค 2–1 เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2018[53][54] ต่อมาในวันที่ 4 เมษายน เขาทำประตูขึ้นนำช่วยให้ไบเอิร์นบุกเอาชนะเซบิยา 2–1 ในเลกแรกของยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ[55] เขาจบฤดูกาลด้วยการทำ 7 ประตูจากการลงเล่น 31 นัด[56]

วันที่ 12 สิงหาคม ค.ศ. 2018 เตียโกลงเล่นนัดแรกของฤดูกาลภายใต้การคุมทีมของผู้จัดการทีมคนใหม่อย่างนิคอ คอวัช เขาทำหนึ่งประตูช่วยให้ทีมเอาชนะไอน์ทรัคท์ฟรังค์ฟวร์ท 5–0 พาไบเอิร์นคว้าแชมป์เดเอ็ฟเอ็ล-ซูเพอร์คัพได้สำเร็จ[57] วันที่ 18 พฤษภาคม ค.ศ. 2019 เตียโกพาไบเอิร์นชนะเลิศลีกเป็นสมัยที่หกติดต่อกัน โดยทีมมี 78 คะแนนซึ่งเหนือกว่าดอร์ทมุนท์เพียงสองคะแนนเท่านั้น สัปดาห์ถัดมา เตียโกชนะเลิศเดเอ็ฟเบ-โพคาลเป็นสมัยที่สามของเขา หลังจากที่ไบเอิร์นสามารถเอาชนะแอร์เบ ไลพ์ซิช 3–0 ในนัดชิงชนะเลิศ[58] เขาจบฤดูกาลด้วยการทำ 3 ประตูจากการลงเล่น 42 นัด

ท่ามกลางสื่อที่ประโคมข่าวอย่างหนักว่าเขามีโอกาสย้ายไปลิเวอร์พูล[59] เตียโกลงเล่นให้กับไบเอิร์นในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ ที่พบกับทีมเก่าของเขาอย่างบาร์เซโลนา สุดท้ายแล้ว ไบเอิร์นสามารถเอาชนะทีมจากแคว้นกาตาลันไปได้อย่างขาดลอย 8–2[60] เตียโกลงเล่นเป็นตัวจริงในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ ที่พบกับปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง โดยเขาได้ลงเล่น 86 นาทีก่อนถูกเปลี่ยนตัวออก บาเอิร์นชนะเลิศแชมเปียนส์ลีกเป็นสมัยที่ 6 และจบฤดูกาลด้วยการคว้าทริปเปิลแชมป์ ซึ่งก่อนหน้านี้ทีมชนะเลิศบุนเดิสลีกาและเอาชนะไบเออร์เลเวอร์คูเซินในเดเอ็ฟเบ-โพคาล นัดชิงชนะเลิศ[61][62][63]

ลิเวอร์พูล แก้

ในวันที่ 18 กันยายน ค.ศ. 2020 เตียโกย้ายมาร่วมทีมลิเวอร์พูล ด้วยค่าตัว 25 ล้านปอนด์ เซ็นสัญญา 4 ปี[64] โดยเตียโกได้สวมเสื้อหมายเลข 6[65] ต่อมา ในวันที่ 20 กันยายน ค.ศ. 2020 เตียโกลงเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล เป็นนัดแรก โดยถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรอง ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เชลซี ที่สแตมฟอร์ดบริดจ์ 2-0[66] ผลงานของเตียโกในนัดนี้สถิติโดยรวมก็คือผ่านบอลสำเร็จ 75 ครั้งในเวลาแค่ 45 นาทีมากกว่านักเตะทุกคนของเชลซี ที่ลงเล่นตลอดทั้งเกม และนับตั้งแต่มีการเก็บสติติการผ่านบอลในปี 2003 เป็นต้นมา เตียโกเป็นผู้เล่นที่สามารถผ่านบอลสำเร็จได้มากที่สุดในพรีเมียร์ลีก สำหรับผู้เล่นที่อยู่ในสนามไม่เกิน 45 นาที[67]

ในวันที่ 29 กันยายน ค.ศ. 2020 สโมสรลิเวอร์พูลได้ประกาศว่าเตียโกได้ติดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ต่อมา ในวันที่ 8 พฤษภาคม ค.ศ. 2021 เตียโกทำประตูแรกในสีเสื้อของลิเวอร์พูล ในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2020–21 นัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เซาแทมป์ตัน 2-0[68]

ในวันที่ 24 พฤศจิกายน ค.ศ. 2021 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2021–22 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม B เตียโกทำประตูแรกในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2021–22 นัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ โปร์ตู จากโปรตุเกส 2-0[69] ต่อมา ในวันที่ 27 พฤศจิกายน ค.ศ. 2021 เตียโกทำประตูแรกในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2021–22 นัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เซาแทมป์ตัน 4-0[70]

 
เตียโกลงเล่นให้แก่ลิเวอร์พูลใน ค.ศ. 2022

ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2022 อีเอฟแอลคัพ 2022 นัดชิงชนะเลิศ ลิเวอร์พูล เจอกับ เชลซี ที่สนามกีฬาเวมบลีย์ ในตอนแรกเตียโกจะลงเล่นแต่เขาได้รับบาดเจ็บระหว่างก่อนเริ่มเกมทำให้เขาหมดสิทธิ์ลงสนามและให้ นาบี เกอีตา ลงสนามแทน แต่สุดท้าย ลิเวอร์พูล เอาชนะ เชลซี ในการดวลจุดโทษ 11-10 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์อีเอฟแอลคัพ สมัยที่ 9 ได้สำเร็จ[71] ต่อมา ในวันที่ 14 พฤษภาคม ค.ศ. 2022 เอฟเอคัพ รอบชิงชนะเลิศ 2022 ลิเวอร์พูล เจอกับ เชลซี ที่สนามกีฬาเวมบลีย์ สุดท้าย ลิเวอร์พูล เอาชนะ เชลซี ในการดวลจุดโทษ 6-5 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์เอฟเอคัพ สมัยที่ 8 ได้สำเร็จ[72] ต่อมา ในวันที่ 22 พฤษภาคม ค.ศ. 2022 พรีเมียร์ลีก นัดปิดฤดูกาล ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เจอกับ วุลเวอร์แฮมป์ตันวอนเดอเรอส์ เป็นนัดตัดสินแชมป์พรีเมียร์ลีกระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ แมนเชสเตอร์ซิตี ในนัดนี้ ลิเวอร์พูล จะต้องชนะ วุลเวอร์แฮมป์ตันวอนเดอเรอส์ และต้องลุ้นให้ แมนเชสเตอร์ซิตี ไม่ชนะ แอสตันวิลลา ด้วย ลิเวอร์พูล ก็จะได้แชมป์พรีเมียร์ลีก โดย ลิเวอร์พูล เอาชนะ วุลเวอร์แฮมป์ตันวอนเดอเรอส์ 3-1 แต่สุดท้าย แมนเชสเตอร์ซิตี เอาชนะ แอสตันวิลลา 3-2 ทำให้ ลิเวอร์พูล พลาดโอกาสคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อย่างน่าเสียดาย[73]

ในวันที่ 30 กรกฎาคม ค.ศ. 2022 เอฟเอคอมมิวนิตีชีลด์ 2022 ลิเวอร์พูล เจอกับ แมนเชสเตอร์ซิตี ที่คิงเพาเวอร์สเตเดียม สุดท้าย ลิเวอร์พูล เอาชนะ แมนเชสเตอร์ซิตี 3-1 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์คอมมิวนิตีชีลด์ สมัยที่ 16 ได้สำเร็จ[74]

ทีมชาติ แก้

ชุดเยาวชน แก้

 
เตียโกเตรียมเตะมุมให้กับทีมชาติรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปีเมื่อ ค.ศ. 2011

เขาลงเล่นให้กับทีมชาติสเปนในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี 2008 โดยทำประตูในนัดชิงชนะเลิศ ช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ในรายการนั้น[75] เตียโกทำประตูด้วยการยิงฟรีคิกในระยะ 40 หลาใส่สวิตเซอร์แลนด์ในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี 2011 ช่วยให้สเปนเอาชนะ 2–0 และคว้าแชมป์รายการนั้น[76] เขายังได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำนัดชิงชนะเลิศ

วันที่ 18 มิถุนายน ค.ศ. 2013 เขาทำแฮตทริกในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี 2013 นัดชิงชนะเลิศ ช่วยให้สเปนเอาชนะอิตาลี 4–2 และคว้าแชมป์รายการนี้เป็นสมัยที่สี่[77]

ชุดใหญ่ แก้

เขาลงเล่นนัดแรกให้กับทีมชาติสเปนชุดใหญ่ในนัดกระชับมิตรที่พบกับอิตาลีเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม ค.ศ. 2011 ส่วนนัดการแข่งขันนัดแรกที่เขาได้ลงเล่นเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 กันยายน ค.ศ. 2011 ในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2012 รอบคัดเลือกที่สเปนเอาชนะลีชเทินชไตน์ 6–0 อย่างไรก็ตาม อาการบาดเจ็บทำให้เขาพลาดการลงเล่นในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2012 และโอลิมปิกฤดูร้อน 2012 ที่ลอนดอน[78]

 
เตียโกเล่นให้กับสเปนในนัดที่พบสวีเดนเมื่อ ค.ศ. 2019

วันที่ 13 พฤษภาคม ค.ศ. 2014 เตียโกมีชื่อติดทีมชาติชุดเบื้องต้น 30 คน สำหรับการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014[79] อย่างไรก็ตาม สองวันถัดมา เขาถอนตัวจากการแข่งขันเนื่องจากเอ็นเข่าขาดในตอนที่เล่นให้กับไบเอิร์นเมื่อเดือนมีนาคม ผู้บริหารของไบเอิร์น Karl-Heinz Rummenigge กล่าวว่า "ชายหนุ่มผู้ต้องการกลับมาเล่นในฟุตบอลโลกซึ่งความฝันของเขาพังทลายลง พวกเราจะดูแลเขาให้ดีและจะทำให้มั่นใจได้ว่าเขาจะพร้อมสำหรับการเปิดฤดูกาล"[80]

วันที่ 2 ตุลาคม ค.ศ. 2015 เตียโกถูกบิเซนเต เดล โบสเกเรียกติดทีมชาติเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่เขาได้รับบาดเจ็บ[81] สิบวันถัดมา เขาได้ลงเล่นและช่วยให้สเปนบุกเอาชนะยูเครนในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2016 รอบคัดเลือก 1–0 ต่อมาในวันที่ 6 ตุลาคม ค.ศ. 2017 เขาทำประตูแรกในนามทีมชาติในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกนัดที่พบกับแอลเบเนีย ประตูนี้เกิดจากอัลบาโร โอดริโอโซลาส่งบอลเข้าจากฝั่งขวาของกรอบเขตโทษและเตียโกโหม่งบอลเข้าไป[82]

ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2018 เขามีชื่อติดทีมชาติชุดเบื้องต้น 24 คน สำหรับการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย[83] และเมื่อตัดรายชื่อเหลือ 23 คน เขาก็ยังคงมีชื่ออยู่ในนั้น[84] เตียได้ลงเล่นในรายการนี้สองนัดในการพบกับโปรตุเกสและโมร็อกโก[85]

สถิติอาชีพ แก้

สโมสร แก้

ณ วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2024
สโมสร ฤดูกาล ลีก ถ้วยแห่งชาติ[a] ลีกคัพ ทวีป อื่น ๆ รวม อ้างอิง
ระดับ ลงเล่น ประตู ลงเล่น ประตู ลงเล่น ประตู ลงเล่น ประตู ลงเล่น ประตู ลงเล่น ประตู
บาร์เซโลนา เบ 2007–08 เตร์เซราดิบิซิออน 5 0 5 0
2008–09 เซกุนดาดิบิซิออน เบ 25 0 25 0
2009–10 13 2 5[b] 1 18 3
2010–11 เซกุนดาดิบิซิออน 11 0 11 0 [9]
รวม 54 2 5 1 59 3
บาร์เซโลนา 2008–09 ลาลิกา 1 0 0 0 0 0 0 0 1 0 [9]
2009–10 1 1 1 0 0 0 0 0 2 1 [9]
2010–11 12 2 3 1 1[c] 0 1[d] 0 17 3 [9]
2011–12 27 2 8 2 7[c] 0 3[e] 0 45 4 [9]
2012–13 27 2 7 1 2[c] 0 0 0 36 3 [9]
รวม 68 7 19 4 10 0 4 0 101 11
ไบเอิร์นมิวนิก 2013–14 บุนเดิสลีกา 16 2 2 0 4[c] 0 3[f] 1 25 3 [9][28]
2014–15 7 0 2 0 4[c] 2 0 0 13 2 [34]
2015–16 27 2 5 1 9[c] 1 1[g] 0 42 4 [9][40]
2016–17 27 6 4 1 9[c] 2 1[g] 0 41 9 [9][47]
2017–18 19 2 3 2 10[c] 3 0 0 32 7 [56][86]
2018–19 30 2 6 0 5[c] 0 1[g] 1 42 3 [57][87]
2019–20 24 3 5 0 10[c] 0 1[g] 0 40 3 [88][89]
รวม 150 17 27 4 51 8 7 2 235 31
ลิเวอร์พูล 2020–21 พรีเมียร์ลีก 24 1 2 0 0 0 4[c] 0 0 0 30 1 [9]
2021–22 พรีเมียร์ลีก 25 1 4 0 0 0 10[c] 1 0 0 39 2 [9]
2022–23 พรีเมียร์ลีก 18 0 3 0 1 0 5[h] 0 1[i] 0 28 0 [9]
2023–24[90] พรีเมียร์ลีก 1 0 0 0 0 0 0 0 0 0 1 0
รวม 68 2 9 0 1 0 19 1 1 0 98 3
รวมทั้งหมด 341 28 56 8 1 0 80 9 12 3 488 48
  1. รวมโกปาเดลเรย์ เดเอ็ฟเบ-โพคาล และเอฟเอคัพ
  2. ลงเล่นในเซกุนดาดิบิซิออน เบ รอบเพลย์ออฟ
  3. 3.00 3.01 3.02 3.03 3.04 3.05 3.06 3.07 3.08 3.09 3.10 3.11 ลงเล่นในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก
  4. ลงเล่นในซูเปร์โกปาเดเอสปัญญา
  5. ลงเล่นในซูเปร์โกปาเดเอสปัญญาและฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก
  6. ลงเล่นในเดเอ็ฟเอ็ล-ซูเพอร์คัพและฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก
  7. 7.0 7.1 7.2 7.3 ลงเล่นในเดเอ็ฟเอ็ล-ซูเพอร์คัพ
  8. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ UCL
  9. Appearance in FA Community Shield

ทีมชาติ แก้

ณ วันที่ 6 กรกฎาคม 2021[91]
ทีมชาติ ปี ลงเล่น ประตู
สเปน 2011 3 0
2012 0 0
2013 1 0
2014 1 0
2015 2 0
2016 11 0
2017 7 1
2018 9 1
2019 3 0
2020 2 0
2021 7 0
รวม 46 2

ประตูในนามทีมชาติ แก้

# วันที่ สนาม คู่แข่ง ประตู ผล รายการแข่งขัน
1. 6 ตุลาคม 2017 สนามกีฬาโฆเซริโกเปเรซ อาลิกันเต สเปน   แอลเบเนีย 3–0 3–0 ฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก
2. 27 มีนาคม 2018 หวันต้าเมโตรโปลิตาโน มาดริด สเปน   อาร์เจนตินา 4–1 6–1 กระชับมิตร

เกียรติประวัติ แก้

 
เตียโก (หมายเลข 19) ในทีมชาติสเปนชุดชนะเลิศฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี 2011

สโมสร แก้

บาร์เซโลนา[92]

ไบเอิร์นมิวนิก[1]

ลิเวอร์พูล

ทีมชาติ แก้

สเปนชุดเยาวชน[75][1]

รางวัลส่วนตัว แก้

อ้างอิง แก้

  1. 1.0 1.1 1.2 1.3 "Thiago Alcântara". Soccerway.com. สืบค้นเมื่อ 18 July 2014.
  2. "2018 FIFA World Cup Russia – List of Players" (PDF). FIFA.com. Fédération Internationale de Football Association. 4 June 2018. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 19 June 2018. สืบค้นเมื่อ 20 June 2018.
  3. "Thiago Alcántara | SEFutbol". sefutbol.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 13 March 2017. สืบค้นเมื่อ 28 November 2017.
  4. "Thiago – FC Bayern Munich". fcbayern.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-06-27. สืบค้นเมื่อ 28 November 2017.
  5. "Kelme official website". Kelme. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 มิถุนายน 2012. สืบค้นเมื่อ 17 เมษายน 2012.
  6. "Thiago Alcántara, la nueva perla azulgrana" (ภาษาสเปน). suite101.net. 30 กรกฎาคม 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 15 กันยายน 2012. สืบค้นเมื่อ 17 เมษายน 2012.
  7. "THIAGO ALCÂNTARA DO NASCIMENTO" (ภาษาโปรตุเกส). PortalBARRA. สืบค้นเมื่อ 3 July 2011.
  8. Villalobos, Fran (17 May 2009). "El Barça pierde la guerra de Eto'o" [Barça lose the war of Eto'o]. Marca (ภาษาสเปน). สืบค้นเมื่อ 15 March 2015.
  9. 9.00 9.01 9.02 9.03 9.04 9.05 9.06 9.07 9.08 9.09 9.10 9.11 9.12 9.13 9.14 "Thiago » Club matches". World Football. สืบค้นเมื่อ 15 August 2018.
  10. "FC Barcelona vs Racing de Santander". Goal.com. 20 February 2010. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-10-21. สืบค้นเมื่อ 12 July 2013.
  11. "Barcelona stumble against Real Sociedad to miss out on record". The Guardian. 29 April 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2 April 2015. สืบค้นเมื่อ 14 May 2014.
  12. McNulty, Phil (28 May 2011). "Barcelona 3 – 1 Man Utd". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 15 March 2015.
  13. Gonzalez, Roger (29 August 2011). "Barcelona 5–0 Villarreal: Messi, Fabregas & Alexis Sanchez all on target as champions cruise to victory". Goal.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-09-30. สืบค้นเมื่อ 3 October 2012.
  14. "Match Report" (PDF). FIFA.com. Fédération Internationale de Football Association. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2016-04-09. สืบค้นเมื่อ 28 May 2012.
  15. Sinanan, Keeghann (29 April 2012). "Rayo Vallecano 0–7 Barcelona: Messi and Pedro both net doubles as Catalan giants romp to resounding victory". Goal.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-08-13. สืบค้นเมื่อ 14 May 2014.
  16. Staunton, Peter (17 October 2014). "Bayern will never truly be Pep's team without Thiago Alcantara". Goal.com. สืบค้นเมื่อ 24 April 2015.
  17. "Thiago Alcántara sold to Bayern Munich for 25 million euros". FC Barcelona. 14 July 2013. สืบค้นเมื่อ 15 July 2013.
  18. "FC Bayern verpflichtet Thiago Alcántara" (ภาษาเยอรมัน). FC Bayern Munich. 14 July 2013. สืบค้นเมื่อ 16 January 2016.
  19. 19.0 19.1 Hayward, Ben (19 June 2013). "Barcelona blunder makes €18m Thiago the bargain of the summer". goal.com. สืบค้นเมื่อ 12 July 2013.
  20. "Thiago Alcantara: from promising Pep pup to world-class Number 10". bundesliga.com. สืบค้นเมื่อ 8 December 2018.
  21. "Mandzukic sorgt für Frankfurts Fehlstart". kicker (ภาษาเยอรมัน). 17 August 2013. สืบค้นเมื่อ 14 May 2014.
  22. "Bayern Munich manager Pep Guardiola targets more silverware after Club World Cup victory". The Daily Telegraph. 22 December 2013. สืบค้นเมื่อ 9 March 2014.
  23. 23.0 23.1 "Thiago erzielt Tor des Monats" (ภาษาเยอรมัน). FC Bayern Munich. 23 February 2014. สืบค้นเมื่อ 18 July 2014.
  24. "VfB Stuttgart 1–2 Bayern Munich". BBC Sport. 29 January 2014. สืบค้นเมื่อ 9 March 2014.
  25. "5:0 – Bayern dominiert gegen Frankfurt nach Belieben". Die Welt (ภาษาเยอรมัน). 2 February 2014. สืบค้นเมื่อ 14 May 2014.
  26. "Bayern Munich and Thomas Müller crush Hannover with ruthless efficiency". The Guardian. Press Association. 23 February 2014. สืบค้นเมื่อ 14 May 2014.
  27. "Bayern Munich 3–3 1899 Hoffenheim". BBC Sport. 29 March 2014. สืบค้นเมื่อ 14 May 2014.
  28. 28.0 28.1 28.2 28.3 "Thiago" (ภาษาเยอรมัน). kicker.de. สืบค้นเมื่อ 19 May 2018.
  29. "Bor Dortmd 0–1 Bayern Mun". BBC Sport. 4 April 2015. สืบค้นเมื่อ 5 April 2015.
  30. "Bayer Leverkusen 0–0 Bayern Munich AET (3–5 pens): Neuer and Thiago the shoot-out heroes". Goal.com. 8 April 2015. สืบค้นเมื่อ 8 April 2015.
  31. Hafez, Shamoon (15 April 2015). "FC Porto 3–1 Bayern Mun". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 15 April 2015.
  32. Uersfeld, Stephan (21 April 2015). "Bayern Munich 6–1 FC Porto". ESPN. สืบค้นเมื่อ 21 April 2015.
  33. "Bayern Munich: Pep Guardiola's side win 25th Bundesliga title". BBC Sport. 26 April 2015. สืบค้นเมื่อ 26 April 2015.
  34. 34.0 34.1 "Thiago". kicker.de (ภาษาเยอรมัน). kicker. สืบค้นเมื่อ 15 August 2018.
  35. "Thiago verlängert bis 2019" (ภาษาเยอรมัน). Bayern Munich. 27 August 2015. สืบค้นเมื่อ 16 January 2016.
  36. "Bayern down brave Bochum to reach DFB Cup last four". Bundesliga. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-08-05. สืบค้นเมื่อ 5 August 2018.
  37. "Bayern Munich hit Werder Bremen for five as Thomas Müller bags brace". The Guardian. สืบค้นเมื่อ 5 August 2018.
  38. "Bayern Munich 4–2 Juventus (AET, agg 6–4): Brilliant comeback sends hosts through". Goal.com. สืบค้นเมื่อ 5 August 2018.
  39. "Thiago Player Profile". ESPN FC. สืบค้นเมื่อ 5 August 2018.
  40. 40.0 40.1 40.2 40.3 "Thiago". kicker.de (ภาษาเยอรมัน). kicker. สืบค้นเมื่อ 15 August 2018.
  41. "German Supercup, 2016, final". Deutscher Fußball-Bund (DFB). สืบค้นเมื่อ 5 August 2018.
  42. "Bayern best Dortmund to claim Supercup". Bundesliga. สืบค้นเมื่อ 5 August 2018.
  43. "Flawless Bayern too good for Hertha". Bundesliga. สืบค้นเมื่อ 5 August 2018.
  44. "Irresistible Bayern sweep past Leipzig". Bundesliga. สืบค้นเมื่อ 5 August 2018.
  45. "Thiago comes out on top vs Mesut Ozil as Bayern blow Arsenal away". Goal.com. สืบค้นเมื่อ 5 August 2018.
  46. "Thiago pens new deal until 2021". FC Bayern Munich. สืบค้นเมื่อ 5 August 2018.
  47. 47.0 47.1 "Thiago Player Profile". ESPN FC. สืบค้นเมื่อ 5 August 2018.
  48. "James and Thiago sidelined". FC Bayern Munich. สืบค้นเมื่อ 5 August 2018.
  49. "Bayern Munich beat Dortmund on penalties to retain Supercup". Bundesliga. สืบค้นเมื่อ 5 August 2018.
  50. "RB Leipzig 1 Bayern Munich 1 (aet, 4–5 pens): Ulreich denies Werner on night of spot-kick drama". Goal.com. สืบค้นเมื่อ 7 August 2018.
  51. "Thiago suffers 'serious muscle injury' in Bayern's win over Anderlecht". ESPN FC. สืบค้นเมื่อ 7 August 2018.
  52. "Injury update on Thiago and Robben". FC Bayern Munich. สืบค้นเมื่อ 7 August 2018.
  53. "Thiago set to return against 'highly motivated Wolves". FC Bayern Munich. สืบค้นเมื่อ 7 August 2018.
  54. "Wolfsburg 1 Bayern Munich 2: Lewandowski spot-on after Robben's penalty miss". Goal.com. สืบค้นเมื่อ 7 August 2018.
  55. "Sevilla 1 Bayern Munich 2: Bundesliga giants battle back to win in Spain". Goal.com. สืบค้นเมื่อ 7 August 2018.
  56. 56.0 56.1 "Thiago". kicker.de (ภาษาเยอรมัน). kicker. สืบค้นเมื่อ 15 August 2018.
  57. 57.0 57.1 "FCB gewinnt Supercup – Lewandowski macht den Unterschied". kicker.de (ภาษาเยอรมัน). kicker. สืบค้นเมื่อ 13 August 2018.
  58. "Robert Lewandowski hits brace as Bayern Munich beat RB Leipzig in DFB Cup final to seal the double". bundesliga.com. สืบค้นเมื่อ 26 May 2019.
  59. Harris, Peter (16 August 2020). "Thiago Alcantara Liverpool transfer . story so far, all the rumours and everything that has been said". Liverpool Echo. สืบค้นเมื่อ 16 August 2020.
  60. Steinberg, Jacob (14 August 2020). "Bayern Munich deliver Champions League demolition of dismal Barcelona". The Guardian. สืบค้นเมื่อ 16 August 2020.
  61. Johnston, Neil (16 June 2020). "Bayern Munich win eighth successive Bundesliga title after beating Werder Bremen". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 16 June 2020.
  62. "4:2 gegen Leverkusen: 20. Pokalsieg für den FC Bayern" [4–2 against Leverkusen: 20th cup win for FC Bayern]. DFB.de (ภาษาเยอรมัน). German Football Association. 4 July 2020. สืบค้นเมื่อ 5 July 2020.
  63. "Bayern beat PSG to win Champions League". BBC Sport (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). สืบค้นเมื่อ 2020-09-17.
  64. ลิเวอร์พูลยืนยันการเซ็นสัญญาคว้าตัวติอาโก้ อัลกันทารา
  65. ติอาโก้ อัลกันทารา จะสวมเสื้อเบอร์ 6 ให้กับลิเวอร์พูล
  66. Match Report: มาเน่เบิ้ลให้ลิเวอร์พูลคว้าสามแต้มเหนือเชลซี
  67. การทำลายสถิติของติอาโก้ในเกมประเดิมสนาม
  68. Match Report: ลิเวอร์พูลคว้าสามแต้มที่แอนฟิลด์
  69. Match Report: ลิเวอร์พูลชนะปอร์โต้ 2-0 ในแชมเปียนส์ลีกที่แอนฟิลด์
  70. Match Report: ลิเวอร์พูลเปิดแอนฟิลด์ถล่มเซาท์แฮมป์ตัน 4-0
  71. Match Report: ลิเวอร์พูลดวลจุดโทษชนะเชลซีคว้าแชมป์คาราบาว คัพ
  72. Match Report: ลิเวอร์พูลดวลจุดโทษชนะเชลซีคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ
  73. Match Report: ลิเวอร์พูลชนะวูล์ฟส์ในเกมสุดท้ายที่แอนฟิลด์
  74. Match Report: ลิเวอร์พูลชนะแมนฯ ซิตี้ คว้าแชมป์คอมมิวนิตี้ ชิลด์
  75. 75.0 75.1 Saffer, Paul (16 May 2008). "Stupendous Spain win U17 crown". UEFA. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 30 June 2012. สืบค้นเมื่อ 13 August 2015.
  76. "European Under-21 Championship: Spain win tournament with victory over Switzerland". Daily Telegraph. 27 June 2011. สืบค้นเมื่อ 27 June 2011.
  77. Magowan, Alistair (18 June 2013). "Italy 2 Spain 4". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 18 June 2013.
  78. "Del Bosque: "Pensamos que para nuestros intereses es mejor Negredo"" (ภาษาสเปน). rtve.es. 28 May 2012. สืบค้นเมื่อ 28 May 2012.
  79. "World Cup 2014: Diego Costa and Fernando Torres in Spain squad". BBC Sport. 13 May 2014. สืบค้นเมื่อ 14 May 2014.
  80. "Thiago Alcantara: Spain midfielder to miss World Cup". BBC Sport. 15 May 2014. สืบค้นเมื่อ 15 May 2014.
  81. "Spain coach Vicente Del Bosque drops Diego Costa, recalls Thiago Alcantara". IBN. Reuters. 2 October 2015. สืบค้นเมื่อ 24 October 2015.
  82. "Spain 3-0 Albania". BBC. สืบค้นเมื่อ 25 September 2020.
  83. "OFICIAL – Estos son los 24 convocados para los encuentros ante Alemania y Argentina". sefutbol.com (ภาษาสเปน). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-03-16. สืบค้นเมื่อ 21 May 2018.
  84. "Julen Lopetegui names Spain World Cup 2018 squad: as it happened". en.as.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-03-29. สืบค้นเมื่อ 8 December 2018.
  85. "Thiago bio". fifa.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-06-30. สืบค้นเมื่อ 8 December 2018.
  86. "Thiago". kicker.de (ภาษาเยอรมัน). สืบค้นเมื่อ 3 August 2019.
  87. "Thiago". kicker.de (ภาษาเยอรมัน). สืบค้นเมื่อ 3 August 2019.
  88. "Sancho glänzt in doppelter Rolle: BVB gewinnt Supercup". kicker.de (ภาษาเยอรมัน). 3 August 2019. สืบค้นเมื่อ 3 August 2019.
  89. "Thiago". kicker.de (ภาษาเยอรมัน). สืบค้นเมื่อ 23 August 2020.
  90. "Games played by เตียโก อัลกันตารา in 2023/2024". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 10 December 2023.
  91. "Thiago Alcântara do Nascimento". EU-football.info. สืบค้นเมื่อ 29 March 2017.
  92. [1]; Barcelona's official website
  93. "Thiago". fussballdaten.de (ภาษาเยอรมัน). สืบค้นเมื่อ 9 October 2016.
  94. "Bayern win the champions league". espn.com. 23 July 2020. สืบค้นเมื่อ 23 July 2020.
  95. McNulty, Phil (27 February 2022). "Chelsea 0–0 Liverpool". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 27 February 2022.
  96. 96.0 96.1 "Thiago leads all-star squad dominated by Spain". UEFA. 21 June 2013. สืบค้นเมื่อ 12 July 2013.
  97. "Morata wins Golden Boot in Spanish clean sweep". UEFA. 18 June 2013. สืบค้นเมื่อ 19 June 2013.
  98. "2016 World 11: the reserve teams – FIFPro World Players' Union". FIFPro.org. 9 January 2017. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-04-09. สืบค้นเมื่อ 1 October 2017.
  99. "2016–2017 World 11: the Reserve Teams – FIFPro World Players' Union". FIFPro.org. 23 October 2017. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-10-24. สืบค้นเมื่อ 23 October 2017.
  100. "Official Bundesliga Team of the Season for 2016/17". bundesliga.com. 26 May 2017. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-06-12. สืบค้นเมื่อ 29 May 2017.
  101. ESM Top-Elf: Ein Bayern-Star in Europas Elite. Abendzeitung (ภาษาเยอรมัน). 8 June 2017. สืบค้นเมื่อ 12 June 2017.
  102. "UEFA Champions League Squad of the Season". UEFA.com. 28 August 2020. สืบค้นเมื่อ 28 August 2020.

แหล่งข้อมูลอื่น แก้