เดอะลาสต์เบลด 2

วิดีโอเกมเกมต่อสู้ ค.ศ. 1998

เดอะลาสต์เบลด 2 (อังกฤษ: The Last Blade 2)[a] เป็นวิดีโอเกมที่พัฒนาและเผยแพร่โดยเอสเอ็นเคใน ค.ศ. 1998 โดยเป็นเกมต่อสู้ที่ใช้อาวุธเช่นเดียวกับเดอะลาสต์เบลดภาคก่อน ซึ่งเดิมออกสู่อาร์เคดผ่านระบบอาร์เคดนีโอจีโอ เอ็มวีเอส แม้ว่าจะมีการเปิดตัวสำหรับแพลตฟอร์มอื่น ๆ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

เดอะลาสต์เบลด 2
ผู้พัฒนาเอสเอ็นเค
โค้ดมิสทิกส์ (พีซี/เพลย์สเตชัน 4/วิตา)
ผู้จัดจำหน่าย
เอสเอ็นเค
เขียนบทฮิเดทากะ ซูเอฮิโระ[1]
ชุดเดอะลาสต์เบลด
เครื่องเล่น
วางจำหน่าย
แนวต่อสู้
รูปแบบ
ระบบอาร์เคดนีโอจีโอ เอ็มวีเอส

รูปแบบการเล่น แก้

 
ภาพหน้าจอรูปแบบการเล่น ที่แสดงการต่อสู้ระหว่างอาการิ อิชิโจ กับฮิบิกิ ทากาเนะ

องค์ประกอบรูปแบบการเล่นยังคงเหมือนเดิมโดยมีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อย โหมด "อีเอกซ์" ได้รับการเพิ่มเข้ามาในการเล่น ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่าง "ความเร็ว" และ "พลัง" โดยมีอารมณ์ที่น่ากลัวกว่าภาคก่อนผ่านการแนะนำเกม ตัวละครมีสีเข้มขึ้นเล็กน้อย และคัตซีนของเกมจะยาวขึ้นเพื่อเน้นความสำคัญของโครงเรื่อง ตัวละครไม่เท่าเทียมกันอีกต่อไป โดยมีความแตกต่างของจุดแข็งและจุดอ่อนมากกว่าแต่ก่อน

โครงเรื่อง แก้

เกมนี้เกิดขึ้นหนึ่งปีหลังจากเหตุการณ์ในภาคแรก นานก่อนที่มนุษย์จะดำรงอยู่ ความตายไม่เป็นที่รู้จัก และเป็นแนวคิดที่ห่างไกลเช่นกัน เมื่อความตายมาสู่โลกเป็นครั้งแรก "ผู้ส่งสารจากแดนไกล" ได้ถือกำเนิดขึ้น เมื่อเวลาผ่านไป พิธีปิดผนึกได้ถูกจัดขึ้นเพื่อปิดผนึกความตายที่อยู่เบื้องหลังประตูนรก ในเวลานั้น โลกสองโลก อันได้แก่โลกใกล้และโลกไกลได้ถือกำเนิดขึ้น โดยเริ่มต้นประวัติศาสตร์แห่งชีวิตและความตาย ครึ่งปีผ่านไปหลังจากความบ้าคลั่งของซูซากุ และยมโลกยังคงเชื่อมโยงกันด้วยมหาทวาร โลกของเราถูกเรียกร้อง ตำนานเมื่อนานมาแล้วได้เล่าถึงการปิดผนึกขอบเขตระหว่างสองโลก พิธีปิดผนึกจำเป็นต้องกักขังวิญญาณของโลกที่อยู่ห่างไกลออกไป

ตัวละคร แก้

มีการแนะนำตัวละครใหม่สามตัว ได้แก่:

  • ฮิบิกิ ทากาเนะ: ลูกสาวของช่างตีดาบที่มีชื่อเสียง เธอกำลังตามหาชายผมสีเงิน ที่ร้องขอดาบเล่มสุดท้ายที่พ่อของเธอสร้างขึ้น
  • เซ็ตสึนะ: เชื่อกันว่าเป็น "ผู้ส่งสารจากแดนไกล" เขาขอใบดาบที่พ่อของฮิบิกิตีขึ้นมา
  • โคจิโร ซานาดะ: หัวหน้าชินเซ็งงูมิแห่งหน่วยศูนย์ ซึ่งกำลังสืบสวนประตูนรก

เวอร์ชันบ้าน แก้

เดอะลาสต์เบลด 2 มีให้สำหรับคอนโซลต่าง ๆ รวมถึงนีโอจีโอ เออีเอส และนีโอจีโอ ซีดี ของเอสเอ็นเค ซึ่งเวอร์ชันนีโอจีโอ ซีดี โหมดตอบคำถามพิเศษ, คัตซีนที่เปล่งเสียง และส่วนแกลเลอรีมีงานศิลปะจากเกมลาสต์เบลดทั้งสองภาค คุณสมบัติเพิ่มเติมเหล่านี้ส่วนใหญ่รวมอยู่ในพอร์ตดรีมแคสต์ในชื่อลาสต์เบลด 2: ฮาร์ตออฟเดอะซามูไร ซึ่งเปิดตัวใน ค.ศ. 2001[2] นอกจากนี้ เวอร์ชันนีโอจีโอ ซีดี และดรีมแคสต์ ได้เพิ่มตัวละครชื่อมูซาชิ อากัตสึกิ

ต่อมา เดอะลาสต์เบลด 2 ได้รับการรวมเข้ากับลาสต์เบลดภาคแรกสำหรับเกมรวมของเพลย์สเตชัน 2 ที่วางจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น โดยเกมทั้งสองภาคเป็นเกมจำลองอาร์เคดที่สมบูรณ์แบบของเกมต้นฉบับ ส่วนที่งานเพลย์สเตชันเอกซ์พีเรียนซ์ 2015 บริษัทเอสเอ็นเค เพลย์มอร์ ได้ประกาศเวอร์ชันเพลย์สเตชัน 4 และเพลย์สเตชัน วิตา ของเดอะลาสต์เบลด 2 ที่พัฒนาโดยบริษัทโค้ดมิสทิกส์[3]

การตอบรับ แก้

การตอบรับ
คะแนนปฏิทรรศน์
สิ่งพิมพ์เผยแพร่คะแนน
ออลเกม(นีโอจีโอ)      [4]
(ดรีมแคสต์)      [5]
เอดจ์(ดรีมแคสต์) 6/10[7]
เกมสปอต(ดรีมแคสต์) 8.1/10[8]
ไอจีเอ็น(ดรีมแคสต์) 8.7/10[9]
เนกซ์เจเนอเรชัน(ดรีมแคสต์)      [11]
นินเท็นโดไลฟ์(เวอร์ชวลคอนโซล)           [12]
(นินเท็นโด สวิตช์)           [13]
เกมชาร์ก.คอม(ดรีมแคสต์) 7/10[16]
เพาเวอร์อันลิมิเต็ด(ดรีมแคสต์) 77/100[17]

ในประเทศญี่ปุ่น เกมแมชชินได้จัดอันดับเดอะลาสต์เบลด 2 ในฉบับวันที่ 15 ธันวาคม ค.ศ. 1998 ว่าเป็นเกมอาร์เคดที่ได้รับความนิยมสูงสุดอันดับสองในเวลานั้น[18] จากข้อมูลของนิตยสารแฟมิซือ ระบุว่าเกมนี้ในเวอร์ชันนีโอจีโอ ซีดี ขายได้กว่า 9,379 ชุดของสัปดาห์แรกในตลาด[19] ส่วนเบลก ฟิชเชอร์ ได้วิจารณ์เกมเวอร์ชันดรีมแคสต์ให้แก่นิตยสารเนกซ์เจเนอเรชันโดยให้คะแนนสามดาวจากห้าดาวและระบุว่า "นักสู้ 2 มิติที่ไม่เหมือนใครสำหรับดรีมแคสต์ซึ่งเป็นการต้อนรับการหยุดพักจากการมีมากเกินไปของสตรีทไฟเตอร์ที่เราเคยเห็นในสหรัฐ น่าเสียดายที่คุณต้องติดตามการนำเข้าเพื่อเล่น"[11] และใน ค.ศ. 2012 เว็บไซต์เกมส์เรดาร์+ ได้นับรวมเดอะลาสต์เบลด 2 ไว้ในเกมต่อสู้คลาสสิกที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักซึ่งสมควรได้รับการรีเมกแบบความละเอียดสูง โดยเรียกมันว่า "หนึ่งในเหล่านักสู้ที่งดงามที่สุด และลึกซึ้งที่สุดของนีโอจีโอ"[20]

หมายเหตุ แก้

  1. เป็นที่รู้จักในญี่ปุ่นในชื่อ ญี่ปุ่น: 幕末浪漫第二幕 月華の剣士 ~月に咲く華、散りゆく花~ทับศัพท์บากุมัตสึโรมังไดนิมากุ: เง็กกะโนะเค็งชิ - สึกินิซากุฮานะ, ชิริยูกุฮานะ

อ้างอิง แก้

  1. Suehiro, Hidetaka (February–March 2011). "Game Design in the Coffee. Lovable Game Design by SWERY". Game Developers Conference. Informa. สืบค้นเมื่อ 2020-05-10.
  2. "Last Blade 2: Heart of the Samurai". IGN. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-10-01. สืบค้นเมื่อ 2013-11-05.
  3. Keisuke Nishikawa. "The Last Blade 2 Strikes PS4, PS Vita on May 24". blog.us.playstation.com/. PlayStation Blog. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-10-01. สืบค้นเมื่อ 2015-12-05.
  4. Knight, Kyle (1998). "The Last Blade 2 (Neo Geo Advanced Entertainment System) - Review". AllGame. All Media Network. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 15 พฤศจิกายน 2014. สืบค้นเมื่อ 1 ตุลาคม 2020.
  5. Frankle, Gavin (1998). "The Last Blade 2: Heart of the Samurai (Dreamcast) - Overview". AllGame. All Media Network. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 14 พฤศจิกายน 2014. สืบค้นเมื่อ 1 ตุลาคม 2020.
  6. Roure, Maxime (March 1999). "Test NeoGeo - The Last Blade 2". Consoles + (ภาษาฝรั่งเศส). No. 86. M.E.R.7. p. 99.
  7. "Testscreen - Last Blade 2 (Dreamcast)". Edge. No. 94. Future plc. February 2001. p. 102.
  8. Park, Andrew (13 August 2001). "The Last Blade 2: Heart of the Samurai Review - All things considered, The Last Blade 2 for the Dreamcast is a faithful port of a good game". GameSpot. CBS Interactive. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-10-01. สืบค้นเมื่อ 2020-10-01.
  9. "Last Blade 2: Heart of the Samurai - Agetec delivers what might be the last great 2D fighting game for the US Dreamcast". IGN. Ziff Davis. 2 August 2001. สืบค้นเมื่อ 2020-10-01.
  10. Hellot, Grégoire (March 1999). "Zoom - Sorties U.S.A.: The Last Blade 2 (Neo Geo Advanced Entertainment System)". Joypad (ภาษาฝรั่งเศส). No. 84. Yellow Media. pp. 124–125.
  11. 11.0 11.1 Fischer, Blake (May 2001). "Finals - Dreamcast - Last Blade 2: Final Edition (Japan)". Next Generation. No. 77. Imagine Media. p. 82.
  12. Dillard, Corbie (18 October 2012). "The Last Blade 2 Review (Neo Geo) - Last Blade Part Deux". Nintendo Life. Nlife Media. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-10-01. สืบค้นเมื่อ 2020-10-01.
  13. Frear, Dave (2 July 2018). "The Last Blade 2 Review (Switch eShop / Neo Geo) - Another contender for Switch fighting champion". Nintendo Life. Nlife Media. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-10-01. สืบค้นเมื่อ 2020-10-01.
  14. Karels, Ralph (April 1999). "NeoGeo Test - The Last Blade 2". Video Games (ภาษาเยอรมัน). No. 89. Future-Verlag. p. 78.
  15. Karels, Ralph (July 2001). "DC Import: The Last Blade 2 Final Edition - SNKs letzer Streich auf Dreamcast?". Video Games (ภาษาเยอรมัน). No. 112. Future-Verlag. p. 84. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-10-01. สืบค้นเมื่อ 2020-10-01.
  16. Dangerboy (1 กันยายน 2001). "Last Blade 2: Heart of the Samurai Review (Dreamcast) - Bring on the sprites!". GameShark.com. Mad Catz. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 13 กุมภาพันธ์ 2002. สืบค้นเมื่อ 1 ตุลาคม 2020.
  17. "Review - The Last Blade 2 - Dreamcast". Power Unlimited (ภาษาดัตช์). No. 92. VNU Media. October 2001.
  18. "Game Machine's Best Hit Games 25 - TVゲーム機ーソフトウェア (Video Game Software)". Game Machine (ภาษาญี่ปุ่น). No. 578. Amusement Press, Inc. 15 December 1998. p. 21.
  19. "Game Search". Game Data Library. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-04-24. สืบค้นเมื่อ 2020-11-01.
  20. Sullivan, Lucas (October 20, 2012). "29 obscure fighters that deserve HD remakes". GamesRadar+. Future US. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-01-16. สืบค้นเมื่อ 2020-10-01.

แหล่งข้อมูลอื่น แก้