เซราฟีน หลุยส์ หรือ เซราฟีนแห่งซ็องลี (ฝรั่งเศส: Séraphine Louis หรือ Séraphine de Senlis) (3 กันยายน ค.ศ. 1864 - 11 ธันวาคม ค.ศ. 1942) เป็นจิตรกรชาวฝรั่งเศสประเภทศิลปะไร้มายา

เซราฟีน หลุยส์

เซราฟีน หลุยส์ผู้สอนตนเองให้เขียนภาพได้รับแรงบันดาลจากความศรัทธาในศาสนาและจากหน้าต่างประดับกระจกสีในคริสต์ศาสนสถานและศิลปะคริสต์ศาสนาอื่น ๆ ความรุนแรงของภาพเขียนของเซราฟีนทั้งทางด้านการใช้สีและในการเขียนเลียนแบบบางครั้งก็ตีความหมายกันว่ามาจากจิตใต้สำนึกที่เกิดจากการดำรงชีพอยู่ระหว่างความเปี่ยมสุข (ecstasy) กับภาวะความผิดปกติทางจิต

ประวัติ แก้

เซราฟีนเกิดที่อาร์ซี (จังหวัดอวซ) เมื่อวันที่ 3 กันยายน ค.ศ. 1864 บิดามีอาชีพแรงงานมารดามาจากครอบครัวเกษตรกร มารดาเสียชีวิตเมื่อเซราฟีนอายุครบหนึ่งปี ส่วนบิดาผู้ไปแต่งงานใหม่ก็มาเสียชีวิตก่อนที่เซราฟีนจะอายุครบเจ็ดปี เซราฟีนจึงตกอยู่ในความดูแลของพี่สาวคนโต งานแรกของเซราฟีนคือเป็นคนเลี้ยงแกะ เมื่อมาถึง ค.ศ. 1881 ก็เป็นสาวใช้ในคอนแวนต์ของคณะภคินีโพรวิเดนซ์ที่เมืองแกลร์มง เริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ. 1901 เซราฟีนก็ได้รับจ้างให้เป็นแม่บ้านในบ้านของครอบครัวคนชั้นกลางในเมืองซ็องลี

เมื่อทำงานอันหนักในเวลากลางวันเสร็จเซราฟีนก็จะเขียนภาพกับแสงเทียน ส่วนใหญ่เขียนคนเดียวอย่างลับ ๆ จนกระทั่งเมื่อนักสะสมศิลปะชาวเยอรมันวิลเฮล์ม อูเดอมาพบผลงานเข้าในปี ค.ศ. 1912 โดย[1] ขณะที่พำนักอยู่ที่ซ็องลีอูเดอเห็นภาพนิ่งของผลแอปเปิลของเพื่อนบ้านและเรียนรู้ด้วยความสนเทห์ว่าเป็นผลงานของเซราฟีนผู้เป็นแม่บ้าน[2] แต่การสนับสนุนยังแทบไม่ทันจะเริ่มเมื่ออูเดอถูกบังคับให้ออกจากฝรั่งเศสในเดือนสิงหาคม ปี ค.ศ. 1914 เมื่อสงครามระหว่างฝรั่งเศสและเยอรมันปะทุขึ้นเพราะอูเดอเป็นพลเมืองของฝ่ายศัตรูที่ไม่เป็นที่ต้องการของชาวเมือง เช่นเดียวกับเซราฟีนผู้ที่ชาวเมืองเห็นกันว่าเป็นผู้มี “บุคลิกพิกลจริต” (eccentric persona) อูเดอกลับมาพบกับเซราฟีนอีกครั้งในปี ค.ศ. 1927 เมื่ออูเดอผู้กลับมายังฝรั่งเศสและมาพักอยู่ที่ช็องตียี มาชมงานแสดงศิลปะของศิลปินท้องถิ่นและมาเห็นงานเขียนของเซราฟีนอีกครั้ง และทราบว่าเซราฟีนยังคงมีชีวิตอยู่และงานเขียนของเซราฟีนก็พัฒนาขึ้น ภายใต้การอุปถัมภ์ของอูเดอเซราฟีนก็เริ่มเขียนงานบนผืนผ้าใบขนาดใหญ่ที่บางกรอบสูงถึงสองเมตร และกลายมาเป็นจิตรกรผู้มีความสำเร็จในการเขียนภาพเชิงศิลปะไร้มายาของยุคนั้น ในปี ค.ศ. 1929 อูเดอก็จัดงานแสดงภาพเขียนโดย “จิตรกรแห่งหัวใจอันศักดิ์สิทธิ์” (Painters of the Sacred Heart) ที่มีงานเขียนของเซราฟีนแสดงอยู่ด้วย ที่เป็นการผลักดันงานเขียนของเซราฟีนจนประสบความสำเร็จทางการเงินที่เซราฟีนไม่เคยประสบมาก่อน และไม่พร้อมที่จะเข้าใจในสถานภาพใหม่ของตนเอง เมื่อ ในปี ค.ศ. 1930 เมื่อภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ในฝรั่งเศสทำลายเศรษฐกิจของผู้อุปถัมภ์ของเซราฟีนไปอูเดอก็ไม่มีทางเลือกนอกจากจะหยุดซื้อภาพเขียนของเซราฟีน

ในปี ค.ศ. 1932 เซราฟีนต้องเข้ารักษาตัวในสถานบำบัดผู้ป่วยด้วยโรคจิตด้วยอาการเป็น “โรคจิต” ที่โรงพยาบาลในแกลร์มงที่เซราฟีนไม่มีทางออกในการสร้างงานศิลปะ อูเดอรายงานว่าเซราฟีนเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1934 แต่อันที่จริงแล้วเซราฟีนมีชีวิตอยู่มาจนกระทั่งปี ค.ศ. 1942 ในปีกหนึ่งของสถานพยาบาลที่แอร์เกอรี ที่เซราฟีนมาเสียชีวิตอย่างโดดเดี่ยวและไร้ญาติมิตร[2] (ข้อมูลบางแหล่งกล่าวว่าเซราฟีนถูกฝังในหลุมศพหมู่ (common grave)[3]

อูเดอยังคงแสดงงานศิลปะของเซราฟีนต่อมา -- ในปี ค.ศ. 1932 ในงานแสดงภาพเขียน “บรรพการสมัยใหม่” (The Modern Primitives) ในกรุงปารีส, ในปี ค.ศ. 1932-1938 ในงานแสดงภาพเขียน “ปรมาจารย์ยอดนิยมแห่งสัจศิลป์” (The Popular Masters of Reality) ในกรุงปารีส, ซูริก และนิวยอร์ก ในปี ค.ศ. 1942 ในงานแสดงภาพเขียน “บรรพกาลแห่งคริสต์ศตวรรษที่ 20” (Primitives of the 20th Century) ในกรุงปารีส และ ในปี ค.ศ. 1945 ในงานแสดงภาพเขียนของเซราฟีนคนเดียวในกรุงปารีส งานเขียนของเซราฟีนตั้งแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์มายอลในกรุงปารีส พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งซ็องลี พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งนิส และพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่แห่งลีล

งานเขียนของเซราฟีนแห่งซ็องลี แก้

งานเขียนเซราฟีนเป็นงานเขียนที่เต็มไปด้วยพลังเชิงศิลปะแฟนตาซีที่ใช้การเขียนแบบซ้ำซ้อนลวดลาย (intensely repeated) และเพิ่มรายละเอียดการวางองค์ประกอบของดอกไม้ใบไม้อย่างวิจิตร เซราฟีนใช้สีและรงค์วัตถุที่ทำขึ้นเองจากสูตรที่พิสดารของตนเองที่ไม่เคยเปิดเผย ที่เป็นสีที่ยังคงรักษาความสดอยู่อย่างไม่เปลี่ยนแปลง ผิวภาพเป็นผิวที่ด้าน (matte) ที่ออกไปทางที่ดูแล้วเหมือนขี้ผึ้ง ชื่อที่ลงมักจะใช้ “S. Louis” แกะด้วยมีดที่ทำให้เห็นสีรองพื้นที่ตรงกันข้ามกับสีบนผิวภาพ ในบางกรณีเซราฟีนก็ดูเหมือนจะลงชื่อก่อนเขียน

งานเขียนเซราฟีนเป็นงานเขียนของผู้ที่มีพลังจากภายในผู้ไม่อาจจะควบคุมความต้องการที่จะสร้างสรรงานศิลปะได้ – “อันเป็น “ความจำเป็นของพลังภายใน” อันสำคัญที่วาสซิลี คานดินสกีกล่าวถึง” เป็นคำที่แบร์ทร็อง ลอร์แก็ง ภัณฑารักษ์ของพิพิธภัณฑ์มายอลใช้ในบทนำในการเปิดงานแสดงภาพเขียน “เซราฟีนหลุยส์ในเซราฟีนแห่งซ็องลี” ที่ปารีสระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ. 2008 ถึงวันที่ 18 พฤษภาคม ค.ศ. 2009[4]

ในภาพยนตร์ แก้

ในปี ค.ศ. 2009 ชีวิตของเซราฟีนก็ได้รับการนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ชื่อ “เซราฟีน” โดยผู้กำกับชาวฝรั่งเศสมาร์แตง โปรโวสต์ และได้รับรางวัลรางวัลเซซาร์เจ็ดรางวัลรวมทั้งรางวัลภาพยนตร์ดีเด่นประจำปี และ นักแสดงหญิงยอดเยี่ยมโดย โยลองเดอ โมโรผู้แสดงเป็นเซราฟีน

อ้างอิง แก้

  1. Hamilton, George Heard (1993). Painting and Sculpture in Europe 1880-1940. Yale University Press. p. 226. ISBN 0-300-05649-4.
  2. 2.0 2.1 Greer, Germaine (2001). The Obstacle Race: The Fortunes of Women Painters and Their Work. Tauris Parke Paperbacks. pp. 121–122. ISBN 1-860-64677-8.
  3. [1] Some sources still state she died in 1934.)
  4. Except as noted elsewhere, all the above information is derived as a translation from the text in the French wikipedia entry for Séraphine at http://fr.wikipedia.org/wiki/Séraphine_de_Senlis

Alain Virdondelet, Séraphine de Senlis, Albin Michel, 1986.

ดูเพิ่ม แก้

แหล่งข้อมูลอื่น แก้

  วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ เซราฟีน หลุยส์