อัตราการกักขังในสหรัฐอเมริกา

สหรัฐอเมริกามีอัตราการกักขังสูงที่สุดในโลก ถึงแม้ว่าประชากรอเมริกันจะคิดเป็นเพียง 5% ของประชากรโลก แต่กลับมีจำนวนนักโทษสูงถึง 25% ของนักโทษทั่วโลก[4]

อัตราส่วนนักโทษต่อประชากร 100,000 คน ข้อมูลสถิติจากรายการประชากรเรือนจำโลก พิมพ์ครั้งที่ 8[1][2][3]

ตามข้อมูลรายงานของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐอเมริกา ตีพิมพ์ใน พ.ศ. 2549 ณ ขณะนั้น มีประชากรกว่า 7.2 ล้านคนอาศัยอยู่ในเรือนจำ อยู่ในระหว่างภาคทัณฑ์ หรือถูกคุมประพฤติ ตัวเลขดังกล่าวหมายความว่า ชาวอเมริกันทุก 32 คน จะมี 1 คนที่อยู่ในการควบคุมของระบบยุติธรรม[5][6] ตามข้อมูลของศูนย์การศึกษาเรือนจำระหว่างประเทศที่คิงส์คอลเลจลอนดอน จากตัวเลข 7.2 ล้านคนนั้น 2.3 ล้านคนอาศัยอยู่ในเรือนจำ สาธารณรัฐประชาชนจีนตามมาเป็นอันดับสอง โดยมีนักโทษจำนวน 1.6 ล้านคน ถึงแม้ว่าจะมีจำนวนประชากรมากกว่าสหรัฐอเมริกาถึงสี่เท่า

ไม่เพียงแต่มีจำนวนนักโทษสูงที่สุดแล้ว สหรัฐยังมีอัตราการกักขังสูงที่สุดด้วยเช่นกัน ประชากรทุก ๆ 100,000 คน จะมีประมาณ 751 คนอาศัยอยู่ในเรือนจำ[2] ซึ่งเมื่อเทียบกับประเทศอุตสาหกรรมอื่นแล้ว รัสเซีย ตามมาเป็นอันดับสองด้วยอัตรานักโทษ 627 คน ต่อประชากร 100,000 คน

ในจำนวนนักโทษ ผู้ต้องหาคดียาเสพติดคิดเป็นสัดส่วนนักโทษของรัฐ 21% ทั้งข้อมูลใน พ.ศ. 2540 และ พ.ศ. 2546 สัดส่วนของนักโทษคดียาเสพติดในการควบคุมของรัฐบาลกลางลดลงจาก 63% ใน พ.ศ. 2540 เหลือ 55% ใน พ.ศ. 2546[7]

ใน พ.ศ. 2552 กระทรวงยุติธรรมสหรัฐประกาศว่าอัตราการเติบโตของประชากรเรือนจำรัฐได้ลดลงต่ำสุดนับตั้งแต่ พ.ศ. 2549 แต่ก็ยังมีอัตราการเติบโต 0.2% เมื่อเทียบกับประชากรเรือนจำสหรัฐทั้งหมด[8] ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประชากรเรือนจำรัฐลดลงระหว่าง พ.ศ. 2552 เป็นครั้งแรกในรอบ 38 ปี[9]

สาเหตุ แก้

สาเหตุหลักของจำนวนนักโทษที่สูงนี้เนื่องมาจากระยะเวลาที่ถูกตัดสินโทษจำคุกในสหรัฐอเมริกา มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จำนวนมากระบุว่าระบบของสหรัฐอเมริกามีโทษจำคุกนานกว่าพื้นที่ส่วนอื่นใดของโลก

ถึงแม้ว่าประเทศอื่นบางประเทศจะมีจำนวนนักโทษต่อปีมากกว่าสหรัฐ แต่เนื่องจากข้อเท็จจริงที่ว่าสหรัฐเก็บนักโทษไว้ในเรือนจำนานกว่า ทำให้อัตราโดยรวมสูงขึ้น ยกตัวอย่างเช่น โทษจำคุกสำหรับข้อหาลักทรัพย์ในสหรัฐอยู่ที่ 16 เดือน เปรียบเทียบกับ 5 เดือนในแคนาดา และ 7 เดือนในอังกฤษ[10] เมื่อดูจาสาเหตุของการถูกคุมขังแล้วจะยิ่งกระจ่างว่าเหตุใดอัตราการกักขังและระยะเวลาของโทษจำคุกนั้นสูงมากเพียงใด

ผู้ที่ทำหน้าที่เป็นอัยการระหว่างสงครามกวาดล้างยาเสพติดบางคนเชื่อว่าการกวาดล้างดังกล่าวยิ่งทำให้การกักขังในสหรัฐอเมริกาเพิ่มสูงขึ้นมาก ราว พ.ศ. 2523 สหรัฐมีประชากรเรือนจำ 40,000 คน ที่ถูกจับกุมในอาชญากรรมเกี่ยวกับยาเสพติด อีธาน นาเดลมันน์ แห่งพันธมิตรนโยบายยาเสพติด กล่าวว่า "เรากำลังจับกุมผู้กระทำผิดมากขึ้นในการละเมิดกฎหมายยาเสพติดมากกว่าประเทศอื่นใดในยุโรปตะวันตก (และยังมีประชากรอีกมาก) ที่ถูกคุมขังในการดำเนินคดีทุกรูปแบบ" ในอีกแง่หนึ่ง ยกตัวอย่างเช่น ญี่ปุ่นและสวีเดนที่ใช้วิธีการลงโทษอย่างเด็ดขาดสำหรับยาเสพติดผิดกฎหมาย ซึ่งทำให้ประเทศเหล่านี้มีประชากรเรือนจำน้อยและมีการใช้ยาเสพติดน้อยลงตามไปด้วย ดังนั้น ความเชื่อมโยงระหว่างกฎหมายยาเสพติดและประชากรเรือนจำจึงไม่ใช่แบบแผนที่ง่าย[11][12]

ข้อมูลปี พ.ศ. 2549 พบว่า นักโทษเรือนจำรัฐ 49.3% หรือ 656,000 คน ถูกกักขังด้วยโทษอาชญากรรมที่ไม่ร้ายแรง ข้อมูลปี พ.ศ. 2551 พบว่า นักโทษเรือนจำรัฐบาลกลางกว่า 90.7% หรือ 165,457 คน ถูกกักขังด้วยโทษอาชญากรรมที่ไม่ร้ายแรง[13]

ผลกระทบ แก้

ภายในสามปีหลังจากได้รับการปล่อยตัว อดีตนักโทษกว่า 67% กระทำความผิดอีกครั้งหนึ่ง และ 52% ได้ถูกกักขังเป็นครั้งที่สอง ตามการศึกษาที่ได้รับการตีพิมพ์ใน พ.ศ. 2537[14]

พ.ศ. 2538 รัฐบาลอนุมัติเงิน 5.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อก่อสร้างเรือนจำใหม่เพิ่ม ค่าใช้จ่ายก่อสร้างทุก 100 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ จะสินเปลื้องค่าปฏิบัติการกว่า 1.6 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐในอีกสามทศวรรษข้างหน้า[15]

อ้างอิง แก้

  1. World Prison Population List. 8th edition เก็บถาวร 2012-02-03 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. By Roy Walmsley. Published in 2009. International Centre for Prison Studies. School of Law, King's College London.]
  2. 2.0 2.1 World Prison Brief - Highest to Lowest Figures เก็บถาวร 2012-02-13 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. International Centre for Prison Studies. School of Law, King's College London. Compare many nations. Select from menu: prison population total, prison population rate, percentage of pre-trial detainees / remand prisoners within the prison population, percentage of female prisoners within the prison population, percentage of foreign prisoners within the prison population and occupancy rate.
  3. Human Development Report 2007/2008 (HDR 2007/2008). For prison population per 100,000 people see Table 27 on page 322 of the full report. UNDP (United Nations Development Programme), using data from the World Prison Population List, 7th edition เก็บถาวร 2011-08-12 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. HDR 2009 does not contain a prison population table.
  4. Liptak, Adam (2008-04-23). "Inmate Count Dwarfs Other Nations'". New York Times.
  5. Probation and Parole in the United States, 2006. By Lauren E. Glaze and Thomas P. Bonczar. U.S. Bureau of Justice Statistics (BJS), US Department of Justice.[ลิงก์เสีย]
  6. BJS. Correctional Population Trends Chart. เก็บถาวร 2009-12-11 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
  7. Christopher J. Mumola: Drug Use and Dependence, State and Federal Prisoners, 2004, U.S. Department of Justice, October 2006, NCJ 213530
  8. "US DOJ Data Brief: Prisoners at Yearend 2009–Advance Counts" (PDF).
  9. Martelle, Scott (2010), US State Prison Population Falls for First Time in 38 Years, AOL
  10. Liptak, Adam (2008-04-23). "Inmate Count in U.S. Dwarfs Other Nations'". The New York Times. สืบค้นเมื่อ 2010-05-26.
  11. Mr. Makoto Hashizume Delegation of Japan, 2005
  12. Sweden’s drug control policies model for other States – UN official, 2006
  13. "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-07-16. สืบค้นเมื่อ 2011-01-08.
  14. John J. Gibbons and Nicholas de B. Katzenbach (June 2006). "Confronting Confinement". Vera Institute of Justice.
  15. Alexander, Elizabeth (Fall 1998). "A Troubling Response To Overcrowded Prisons". Civil Rights Journal.