อสงไขย (สันสกฤต: असंख्येय อสํเขฺยย; บาลี: อสงฺเขยฺย หรือ อสํเขยฺย) หมายถึง นับไม่ถ้วน, ไม่ง่ายที่จะนับ, หรือเป็นจำนวนธรรมชาติเท่ากับหนึ่งโกฏิยกกำลัง 20 (10,000,00020)[1] หรือ 10140 (เลข 1 แล้วตามด้วยเลข 0 ต่อท้ายทั้งหมด 140 ตัว)

บางตำรากล่าวว่าหมายถึงเลข ซึ่งมีหลายความหมาย พระพุทธภัทระตีความว่า a=5, b=103 ส่วนพระศิกษานันทะตีความว่า a=7, b=103 และ Thomas Cleary ตีความว่า a=10, b=104[ต้องการอ้างอิง]

อสงไขยเป็นระยะเวลาที่ยาวนานจนไม่อาจคำนวณได้ มีอุปมาว่า ประมาณเม็ดฝนของการเกิดฝนตกใหญ่อย่างมโหฬารทั้งวันทั้งคืนเป็นเวลานานถึง 3 ปี ไม่ได้ขาดสายเลย[ต้องการอ้างอิง] ในศาสนาพุทธจึงมักใช้กล่าวถึงระยะเวลาที่พระโพธิสัตว์สั่งสมบารมีมาเพื่อเป็นพระพุทธเจ้า

นอกจากนี้ในพระไตรปิฎกและอรรถกถายังมีการใช้คำว่า "อสงไขย" เฉย ๆ ด้วยเช่นกัน แต่เป็นอติพจน์และใช้ในความหมายที่ว่า มากมาย หรือ นับไม่ถ้วน (infinity) ไม่ได้ใช้ในแง่ของการบอกปริมาณว่าเท่ากับ 10140 และไม่ได้หมายถึงอสงไขยกัป[ต้องการอ้างอิง]

ประเภท แก้

อรรถกถากล่าวถึง อสงไขย ไว้ดังนี้

  • อสงไขย หมายถึง ช่วงเวลายาวนานจนไม่สามารถจะนับได้ เกินการคำนวณด้วยมหากัป[2] คัมภีร์ปรมัตถทีปนี อรรถกถาจริยาปิฎก จึงเรียกช่วงเวลาที่โลกปราศจากพระพุทธเจ้ายาวนานเช่นนี้ว่า "อสงไขยหนึ่งแห่งมหากัป" ดังนี้

ในระหว่างพระทศพลพระนามว่าทีปังกร และพระทศพลพระนามว่าโกณฑัญญะ โลกได้ว่างพระพุทธเจ้าไปตลอดอสงไขยหนึ่งแห่งมหากัป. ในระหว่างพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าโกณฑัญญะ และพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่ามังคละ ก็เหมือนกัน ในระหว่างพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าโสภิตะ พระนามว่าอโนมทัสสี พระนามว่านารทะ พระนามว่าปทุมุตตระ ก็เหมือนกัน.[2]

  • อสงไขยกัป หมายถึง สังวัฏฏกัป สังวัฏฏัฏฐายีกัป วิวัฏฏกัป และ วิวัฏฏัฏฐายีกัป ซึ่ง 4 อสงไขยกัปเหล่านี้รวมกันหนึ่งมหากัป[2]
  • อสงไขยปี หมายถึง เวลาอันยาวนานจนนับประมาณอายุไม่ได้[3] อรรถกถาเวปุลลปัพพตสูตรระบุว่ามนุษย์มีอายุขัยเสื่อมลงได้ต่ำสุดถึงสิบปี และเจริญขึ้นได้จนสูงสุดถึงอสงไขยปี[4]

วิธีนับอสงไขยในแง่ของตัวบ่งปริมาณ แก้

การนับอสงไขยให้เทียบเอาดังนี้[ต้องการอ้างอิง]

  1. สิบ สิบหน เป็น หนึ่งร้อย
  2. สิบร้อย เป็น หนึ่งพัน
  3. สิบพัน เป็น หนึ่งหมื่น
  4. สิบหมื่น เป็น หนึ่งแสน
  5. ร้อยแสน เป็นหนึ่งโกฏิ
  6. ร้อยแสนโกฏิ เป็น หนี่งปโกฏิ
  7. ร้อยแสนปโกฏิ เป็น หนึ่งโกฏิปโกฏิ
  8. ร้อยแสนโกฏิปโกฏิ เป็น หนึ่งนหุต
  9. ร้อยแสนนหุต เป็น หนึ่งนินนหุต
  10. ร้อยแสนนินนหุต เป็น หนึ่งอักโขเภนี
  11. ร้อยแสนอักโขเภนี เป็น หนึ่งพินทุ
  12. ร้อยแสนพินทุ เป็น หนึ่งอพุทะ
  13. ร้อยแสนอพุทะ เป็น หนึ่งนิระพุทะ
  14. ร้อยแสนนิระพุทะ เป็น หนึ่งอหหะ
  15. ร้อยแสนอหหะ เป็น หนึ่งอพพะ
  16. ร้อยแสนอพพะ เป็น หนึ่งอฏฏะ
  17. ร้อยแสนอฏฏะ เป็น หนึ่งโสคันธิกะ
  18. ร้อยแสนโสคันธิกะ เป็น หนึ่งอุปละ
  19. ร้อยแสนอุปละ เป็น หนึ่งกมุทะ
  20. ร้อยแสนกมุทะ เป็น หนึ่งปทุมะ
  21. ร้อยแสนปทุมะ เป็น หนึ่งปุณฑริกะ
  22. ร้อยแสนปุณฑริกะ เป็น หนึ่งอกถาน
  23. ร้อยแสนอกถาน เป็น หนึ่งมหากถาน
  24. ร้อยแสนมหากถาน เป็น หนึ่งอสงไขย

หมายเหตุ: ร้อยแสน=สิบล้าน

อสงไขย ค่า ชื่อภาษาอังกฤษ (Short scale)
สิบ 101 Ten
ร้อย 102 Hundred
พัน 103 Thousand
หมื่น 104 Ten thousands
แสน 105 Hundred thousands
โกฏิ 107 Ten millions
ปโกฏิ 1014 Hundred trillion
โกฏิปโกฏิ 1021 Sextillion
นหุต 1028 Ten octillion
นินนหุต 1035 Hundred Decillion
อักโขเภนี 1042 Tredecillion
พินทุ 1049 Ten Quindecillion
อพุทะ 1056 Hundred Septendecillion
นิระพุทะ 1063 Vigintillion
อหหะ 1070
อพพะ 1077
อฏฏะ 1084
โสคันธิกะ 1091
อุปละ 1098
กมุทะ 10105
ปทุมะ 10112
ปุณฑริกะ 10119
อกถาน 10126
มหากถาน 10133
อสงไขย 10140

จำนวนอสงไขย แก้

ช่วงระยะเวลาที่พระโพธิสัตว์บำเพ็ญบารมีก่อนจะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แบ่งตามประเภทของพระโพธิสัตว์

พระโพธิสัตว์ประเภทปัญญาธิกะใช้เวลา 20 อสงไขย กับอีกแสนมหากัป

พระโพธิสัตว์ประเภทศรัทธาธิกะใช้เวลา 40 อสงไขย กับอีกแสนมหากัป

พระโพธิสัตว์ประเภทวิริยาธิกะใช้เวลา 80 อสงไขย กับอีกแสนมหากัป

สำหรับพระโคตมพุทธเจ้า ซึ่งพระองค์เป็นพระโพธิสัตว์ประเภทปัญญาธิกะ ใช้เวลา 20 อสงไขย กับอีกแสนมหากัป คือ[5][ระบุข้อมูลทางบรรณานุกรมไม่ครบ]

  1. นันทอสงไขย
  2. สุนันทอสงไขย
  3. ปฐวีอสงไขย
  4. มัณฑอสงไขย
  5. ธรณีอสงไขย
  6. สาครอสงไขย
  7. บุณฑริกอสงไขย
  8. สัพพภัททอสงไขย
  9. สัพพผุลลอสงไขย
  10. สัพพรัตนอสงไขย
  11. สภักขันธอสงไขย
  12. มานิภัททอสงไขย
  13. ปทุมอสงไขย
  14. อุสภอสงไขย
  15. ขันธุตตมอสงไขย
  16. สัพพผาลอสงไขย
  17. เสลอสงไขย[ต้องการอ้างอิง]
  18. ภาสอสงไขย[ต้องการอ้างอิง]
  19. ไชยอสงไขย[ต้องการอ้างอิง]
  20. รูปิยอสงไขย (บางตำราว่า รุจิ,รุจิระ อสงขัย)[ต้องการอ้างอิง]

อ้างอิง แก้

  1. ราชบัณฑิตยสถาน, พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว, กรุงเทพพฯ : ราชบัณฑิตยสถาน, 2556, หน้า 1381
  2. 2.0 2.1 2.2 อกิตติจริยา, อรรถกถา ขุททกนิกาย จริยาปิฎก
  3. พระสัทธัมมโชติกะ, ปรมัตถโชติกะ มหาอภิธัมมัตถสังคหฎีกา ปริจเฉทที่ 5 เล่ม 1 วีถิมุตตสังคหะ ภูมิจตุกกะและปฏิสนธิจตุกกะ, พิมพ์ครั้งที่ 6, กรุงเทพฯ : มูลนิธิสัทธัมมโชติกะ, 2546, หน้า 224
  4. ๑๐, อรรถกถา สังยุตตนิกาย นิทานวรรค อนมตัคคสังยุตต์ ทุติยวรรคที่ ๒
  5. http://www.kalyanamitra.org/th/uniboon_detail.php?page=1781
  • พระคัมภรีอนาคตวงศ์, ประภาส สุระเสน, พ.ศ. 2540, มหามกุฏราชวิทยาลัย, ISBN 974-580-742-7