อวตาร: วิถีแห่งสายน้ำ

ภาพยนตร์แนวบันเทิงคดีวิทยาศาสตร์ ฉายเมื่อปี ค.ศ. 2022 กำกับโดยเจมส์ แคเมรอน

อวตาร: วิถีแห่งสายน้ำ (อังกฤษ: Avatar: The Way of Water) เป็นภาพยนตร์อเมริกันแนวมหากาพย์บันเทิงคดีวิทยาศาสตร์ ที่ออกฉายในปี ค.ศ. 2022 กำกับและร่วมอำนวยการสร้างโดย เจมส์ แคเมรอน ผู้ที่เขียนบทร่วมกับริก จาฟฟา และอะแมนดา ซิลเวอร์ จากเรื่องราวที่พวกเขาเขียนร่วมกับจอช ฟรายด์แมน และเชน ชาเลอร์โน จัดจำหน่ายโดย ทเวนตีท์เซนจูรีสตูดิโอส์[6] เป็นภาคต่อของ อวตาร (ค.ศ. 2009) และเป็นภาพยนตร์เรื่องที่สองในแฟรนไชส์ อวตาร นักแสดงประกอบด้วย แซม เวิร์ธธิงตัน, โซอี ซัลดานา, โจเอล เดวิด มัวร์, ซีซีเอช พาวน์เดอร์, สตีเฟน แลง, จิโอวานนี ริบิซี, ไดลีป เรา และแมตต์ เจอรัลด์ ซึ่งกลับมารับบทเดิมจากภาพยนตร์ภาคแรก รวมถึง ซิกัวร์นีย์ วีเวอร์ ที่กลับมาแสดงเป็นตัวละครใหม่[7] และ เคต วินสเล็ต, คลิฟฟ์ เคอร์ติส, ทรินิตี บลิสส์, เจมี แฟลตเตอส์, บริเตน ดอลตัน และแจ็ก แชมเปียน เข้าร่วมแสดง

อวตาร: วิถีแห่งสายน้ำ
กำกับเจมส์ แคเมรอน
บทภาพยนตร์
เนื้อเรื่อง
อำนวยการสร้าง
นักแสดงนำ
กำกับภาพรัสเซลล์ คาร์เพนเทอร์
ตัดต่อ
ดนตรีประกอบไซมอน แฟรงเลน
บริษัทผู้สร้าง
ผู้จัดจำหน่ายทเวนตีท์เซนจูรีสตูดิโอส์
วันฉาย6 ธันวาคม ค.ศ. 2022 (2022-12-06)(Odeon Luxe Leicester Square)
16 ธันวาคม ค.ศ. 2022 (2022-12-16)(สหรัฐ)
ความยาว192 นาที[1]
ประเทศสหรัฐ
ภาษาอังกฤษ
ทุนสร้าง350–460 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[2][3]
ทำเงิน2.32 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ[4][5]

แคเมรอนเคยกล่าวไว้เมื่อปี ค.ศ. 2006 ว่าเขาอยากจะสร้างภาคต่อของ อวตาร ถ้าภาพยนตร์ประสบความสำเร็จ หลังภาพยนตร์ประสบความสำเร็จ เขาได้ประกาศภาคต่อสองเรื่องเมื่อปี ค.ศ. 2010 โดยกำหนดให้ อวตาร 2 ฉายในปี ค.ศ. 2014[8][9][10] อย่างไรก็ตาม มีการประกาศสร้างภาคต่ออีกสามเรื่อง และความจำเป็นในการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่เพื่อถ่ายทำการจับการเคลื่อนไหวในฉากใต้น้ำ ซึ่งความสำเร็จที่ไม่เคยมีมาก่อน ทำให้เกิดความล่าช้าอย่างมากเพื่อให้ทีมงานมีเวลามากขึ้นในการทำงานเขียนบท, ก่อนการสร้างและวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์ ภาพยนตร์เลื่อนฉายถึงแปดครั้ง โดยครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในวันที่ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2020[11]

ภาพยนตร์ถ่ายทำเบื้องต้นที่ หาดแมนฮัตตัน, แคลิฟอร์เนีย เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ. 2017 สถานที่ถ่ายทำย้ายไปที่เวลลิงตันเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2017 และปิดกล้องในช่วงปลายเดือนกันยายน 2020 หลังจากถ่ายทำนาน 3 ปี ด้วยงบประมาณประมาณ 350–400 ล้านดอลลาร์ ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ที่ลงทุนมากที่สุดเรื่องหนึ่งเท่าที่เคยมีมา เช่นเดียวกับภาคแรก ภาพยนตร์ประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นและทำลายสถิติจากการฉายมากมาย โดยทำรายได้ 2,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุดในอันดับที่ 1 ของปี 2022 เป็นภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุดตลอดกาลเป็นอันดับที่ 3 และเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้ถึงหนึ่งพันล้านดอลลาร์สหรัฐไวเป็นอันดับ 6 ตลอดกาลด้วยเวลาเพียง 14 วัน แทนที่ภาพยนตร์ภาคแรกที่ใช้เวลา 19 วัน เป็นภาพยนตร์ที่ทำเงินมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงการระบาดทั่วของโควิด-19 เป็นอันดับ 4 (ตามหลัง สไปเดอร์แมน: โน เวย์ โฮม, ท็อปกัน: มาเวอริค และ จูราสสิค เวิลด์ ทวงคืนอาณาจักร) เป็นภาพยนตร์ที่ทำเงินมากกว่า 2 พันล้านเหรียญเป็นอันดับที่ 6 ของโลก เป็นเรื่องที่สองที่ทำเงินถึงภายในเวลาไม่ถึง 40 วัน

ภาพยนตร์ใช้งบประมาณ 350-460 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เจมส์ แคเมรอนกล่าวว่า ภาพยนตร์จะประสบความสำเร็จได้ต้องเป็นภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุดในสิบอันดับแรก จุดคุ้มทุนของหนังจึงอยู่ที่ 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นไปตามเป้า และเดินหน้าไปอย่างมั่นคง ภาพยนตร์ได้รับคำวิจารณ์ในแง่บวกล้นหลามจากนักวิจารณ์ นักวิจารณ์ชื่นชมในงานสร้าง การสร้างเทคนิคพิเศษทางภาพ เทคนิคพิเศษที่ก้าวล้ำ งานเรียบเรียงภาพ การกำกับ และดนตรีประกอบ แต่วิจารณ์ในบทภาพยนตร์ที่บางเบา การเล่าเรื่อง และความยาวของหนัง[12] ภาพยนตร์ได้รับการส่งชื่อเข้าชิงรางวัลมากมายจากหลายสถาบันภาพยนตร์ รวมถึงภาพยนตร์ยอดเยี่ยมประจำปี 2022 ของสำนักรีวิว เช่นเดียวกับภาคแรก ภาพยนตร์ได้รับ รางวัลออสการ์ สาขาเทคนิคพิเศษยอดเยี่ยม ทำให้ภาพยนตร์ทั้งสองเรื่องในแฟรนไชน์ได้รับรางวัลดังกล่าว

ภาพยนตร์ทำรายได้ในประเทศไทย 700 ล้านบาท เป็นภาพยนตร์ทำเงินสูงสุดในประเทศไทยประจำปี 2022 และทำรายได้สูงสุดตลอดกาลในประเทศไทยเป็นอันดับ 5

ภาพยนตร์ภาคต่อ อวตาร: ผู้ถือครองเมล็ดพันธุ์ กำหนดฉายในสหรัฐวันที่ 18 ธันวาคม ค.ศ. 2025 แคเมรอนเผย เขากำลังจะต้องทำภาคต่อตามที่สัญญาไว้ เมื่ออวตารภาคที่สองประสบความสำเร็จ ซึ่งรวมถึงภาพยนตร์เรื่องที่ 4 และ 5 ด้วย ภาพยนตร์ภาคต่ออีกทั้งสองเรื่องกำลังอยู่ในขั้นตอนของการพัฒนา

ในปี ค.ศ.2023 จากความสำเร็จของภาพยนตร์ ทำให้บ็อบ ไอเกอร์ ผู้บริหารของเดอะวอลต์ดิสนีย์ ได้เผยว่ากำลังจะลงทุนกับแฟรนไชส์อย่างเต็มสูบ โดยแผนการดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับการเพิ่มยอดผู้สมัครสมาชิกของ ดิสนีย์+ โดยวางแผนจะสร้างสื่อต่าง ๆ ออกมานอกเหนือจากภาพยนตร์ภาคต่อสามเรื่อง และอาจจะทำการสร้างเรื่อง 6 และ 7 เพิ่มหากผลตอบรับดี

ภาพยนตร์ยังขึ้นแท่นเป็นภาพยนตร์ที่มีผู้ชมสูงสุดในดิสนีย์+ อเมริกาเหนือ รวมถึงเป็นภาพยนตร์ที่มียอดขายแผ่นสูงสุดของดิสนีย์อเมริกาเหนือ

โครงเรื่อง แก้

สิบสี่ปี หลังจากมนุษย์ถูกขับไล่ออกจากดาวแพนดอราหลังก่อสงครามและส่งกลับไปยังโลก เจค ซัลลีขึ้นเป็น โทรุคมัคโต ผู้นำของเผ่าโอมาติคาย่า สร้างครอบครัวร่วมกับภรรยาอย่าง เนย์ทิริ พร้อมทั้งลูกชายได้แก่ เนเทยัม โล'อัค และลูกสาวคนเล็ก ทู้คทิรี และ คิรี ลูกสาวบุญธรรมของพวกเขาที่เกิดจาก ดร.เกรซ ออกัสตินผู้ล่วงลับและจิตวิญญาณแห่งพระแม่เอวา รวมถึงเด็กชายชาวมนุษย์ ไมลส์ ควอริทช์ โซคอร์โร (สไปเดอร์) ลูกชายของ พันเอกไมลส์ ควอริทช์กับทหารหญิง ปาซ ซอคคอร์โร ที่เกิดและติดอยู่บนดาวแพนดอรา เนื่องจากไม่สามารถเข้าแคปซูลจำศีลเพราะยังเด็กเกินไป มนุษย์และนาวี่อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ทว่า ความสงบสุขได้จบลง เมื่อปี ค.ศ. 2169 มนุษย์และ RDA ได้ย้ายและเข้ามาตั้งฐานบัญชาการเมืองใหม่ริมทะเลแพนดอราที่มีชื่อว่า "บริดจ์เฮด" เนื่องด้วยโลกนั้นกำลังใกล้จะตายเต็มทีเพราะขาดทรัพยากรและพลังงาน ภายใต้การนำของนายพลฟรานเซส อาร์ดมอร์ และผู้บริหารคนใหม่ขององค์กร RDA ชาร์ลส์ สตริงเกอร์ พวกเขาจึงต้องกลับมาเพื่อยึดดาวเพื่อสร้างอาณานิคม เหตุการณ์นี้ทำให้ธรรมชาติของแพนดอราและสัตว์ และชาวดาวล้มตายไปเป็นจำนวนมาก เช่นเดียวกับเนย์ทิริที่ใจสลาย

หนึ่งปีต่อมา ในปี ค.ศ. 2170 โครงการดีเอนเอผสมที่ปาร์คเกอร์ เซลฟริดจ์ อดีตหัวหน้าผู้ดูแลการทำเหมืองแร่ขององค์กร RDA ได้เป็นหัวหอกในการคิดค้นโครงการฟินิกซ์ จากคำสั่งของฐานบัญชาการบนโลก ซึ่งเป็นการเก็บข้อมูลพันธุกรรมและความทรงจำให้กับทหารในกรณีที่เสียชีวิตที่เรียกว่า "โซลไดรฟ์" พันเอก ไมลส์ ควอริทช์ ผู้เสียชีวิตไปเมื่อ ปี ค.ศ. 2154 ได้ฟื้นขึ้นมาในโครงการร่างโคลนอวตาร รีคอมบีแนนท์ที่มีอายุร่าง 20 ปี เขากลับมาทำภารกิจของ RDA ร่วมกับร่างโคลนอวตารรีคอมบีแทนต์ที่เหลือ ในขณะเดียวกันเจคดำเนินปฏิบัติการแบบกองโจรเพื่อต่อต้านสายส่งเสบียงของ RDA ควอริทช์และพรรคพวกปฏิบัติภารกิจต่อต้านการก่อความไม่สงบ โดยจับลูก ๆ ของเจคเอาไว้ เจคและเนย์ทิรีเดินทางมาช่วยเหลือและปลดปล่อยคิรี ทู้ค และโลอัคเอาไว้ได้ แต่สไปเดอร์ถูกควอริทช์จับตัวไป เนื่องจากควอริทช์จำได้ว่าเป็นลูกชายของตน สไปเดอร์ไม่คิดจะปริปากบอกนายพลฟรานเซส อาร์ดมอร์ ผู้บัญชาการทหารหญิงคนใหม่ที่มีความแค้นกับเจค แม้จะถูกทรมานอย่างหนักจาก RDA ให้คายความลับเกี่ยวกับที่อยู่เจคและครอบครัวก็ตาม ควอริทช์ตัดสินใจที่จะใช้เวลาร่วมกับสไปเดอร์เพื่อดึงให้เขามาอยู่ฝ่ายเดียวกัน แต่ในทางกลับกันสไปเดอร์ก็สอนควอริทช์เกี่ยวกับวัฒนธรรมและภาษาของชาวนาวีเช่นกัน เมื่อเวลาผ่านไปทั้งสองเริ่มเชื่อมความสัมพันธ์พ่อลูกกัน

เมื่อตระหนักถึงอันตรายของสไปเดอร์ มนุษย์ที่รู้ถึงที่อยู่ของพวกเขา เจคและครอบครัวของเขาจึงต้องเนรเทศตัวเองออกจากเผ่า และล่าถอยไปยังเผ่าของชาวแนวปะการัง เม็ตคายีน่า ณ ชายฝั่งตะวันออกของแพนดอรา ซึ่งพวกเขาได้รับที่พักพิง แม้ว่าบางคนในเผ่าจะถือว่าพวกเขามี "เลือดปีศาจ" เนื่องจากได้รับ ดีเอนเอมนุษย์ของเจค ครอบครัวซัลลีได้เรียนรู้วิถีชีวิตของผู้คนในแนวปะการังที่เรียกว่า "วิถีแห่งสายน้ำ" แม้ในช่วงแรกพวกเขาจะยังไม่ชิน แต่ไม่นาน คิรีก็พัฒนาสายสัมพันธ์ทางจิตวิญญาณและสิ่งมีชีวิตในท้องทะเล ส่วนโล'อัคได้ผูกมิตรกับศีเรยา ลูกสาวของหัวหน้ากลุ่ม โตโนวารีและโรนัล ภรรยาของเขาที่กำลังตั้งครรภ์ลูก ผู้ตั้งแง่กับเจคและเนย์ทิริตั้งแต่แรกเห็น เพราะเชื่อว่าสักวันเจคจะนำภัยร้ายมาสู้เผ่า ทั้งหมดวันหนึ่ง โล'อัค มีเรื่องทะเลาะวิวาทกับ อาวนุง พี่ชายของ ศีเรยา และเพื่อน ๆ หลังคิรีถูกคุกคามล้อเลียนจากพวกเขา โล'อัคถูกเจคบังคับให้ขอโทษอีกฝ่าย หากอยากอยู่ในเผ่าอย่างสงบสุข คิรีตั้งคำถามว่าแท้จริงแล้วตัวเธอเองเป็นอะไร ทำไมถึงแปลกแยกกว่าคนอื่น ๆ ในเผ่า

โล'อัคยอมขอโทษ อาวนุงและกลุ่มเพื่อนของเขา ได้ล่อลวงเขาให้ไปใน ภูผาสามพี่น้อง ดินแดนของนักล่าแห่งท้องทะเลที่อันตรายและปล่อยให้เขาติดอยู่ในนั้น โล'อัคได้รับการช่วยเหลือและเป็นเพื่อนกับ "พญาคาน" โทลคูน สัตว์จำพวกเลี้ยงลูกด้วยนมที่ฉลาดและรักสงบ ซึ่ง เม็ตคายีน่า ถือว่าเป็นครอบครัวทางจิตวิญญาณของพวกเขา เมื่อกลับมาถึงเผ่า โล'อัคเลือกที่จะยอมรับโทษตัวเองแทนที่จะเปิดเผยความจริง เขาจึงได้มิตรภาพจากอาวนุงที่สำนึกผิดต่อการกระทำ คนในเผ่าเมื่อได้ยินเรื่องของพญาคาน จึงเล่าถึง พญาคาน เป็นสิ่งมีชีวิตนอกคอกในเผ่าพันธุ์ของเขา ในการเดินทางไปยังต้นไม้แห่งจิตวิญญาณแห่งเม็ตคายิน่า คีรีเชื่อมโยงกับต้นไม้เพื่อพบกับแม่ของเธอแต่ต้อง ทุกข์ทรมานจากอาการชักอย่างรุนแรง ร็อตโซ่ เพื่อนของอาวนุงที่ตามดูแลทุกคน รีบให้พวกเนเทยัมพาเธอกลับไปที่เผ่า คิรีได้รับการเยียวยารักษาจากโรนัล แต่เพราะเจคติดต่อหา ดร.นอร์ม สเปลแมน และ ดร.แม็กซ์ พาเทล สหายเก่าแก่ที่เป็นพันธมิตรร่วมรบและปกป้องมาช่วยเหลือ ยานรบที่พวกเขาขับมากลายเป็นสัญญาณให้ควอริทช์สามารถติดตามไปยังหมู่เกาะที่นาวี่อาศัยอยู่ในแนวปะการังได้ โดยได้นำตัวสไปเดอร์มาด้วยในฐานะล่ามแปลภาษา ควอริทช์เริ่มเค้นคำถามอย่างโหดเหี้ยมกับเผ่าพื้นเมือง ทานุอุย เกี่ยวกับที่อยู่ของเจค สไปเดอร์พยายามจะหาทางประณีประนอมและหยุดยั้งพร้อมทั้งขอร้อง ควอริทช์จึงทำเพียงสั่งเผาทำลายหมู่บ้านรอบ ๆ

ควอริทช์ และกัปตันมิก สกอร์สบี้ควบคุมเรือล่าวาฬซึ่งกำลังตามล่าโทลคูนเพื่อเก็บเกี่ยวเอ็นไซม์ในสมอง เพื่อสร้างยาชะลอวัยที่เรียกว่า "อมฤตา" ลูกเรือใน RDA ล่าทัลคุนสองแม่ลูกอย่างโหดร้ายเพื่อดึงให้เจคออกมา สไปเดอร์มองเหตุการณ์ด้วยความเสียใจ พร้อม ๆ กับดร.เอียน การ์วิน [13] นักชีววิทยาทางทะเลที่ถูกบีบให้ทำงานร่วม แม้ว่าควอริทช์จะรู้สึกสับสนกับการไล่ล่าดังกล่าว แต่เขาก็ยังตั้งเป้าที่จะไล่ล่าเจค โล'อัคที่ได้เชื่อมโยงจิตใจภายในกับพญาคาน รู้ว่าโทลคูนถูกขับไล่ออกจากเผ่าเพราะเขาฝ่าฝืนวิถีของเผ่าพันธุ์ของเขาและโจมตีคนล่าวาฬที่ฆ่าแม่ของเขา เมื่อ เผ่าเม็ตคายิน่ารู้เรื่องการสังหารโทลคูนโดยฝีมือ RDA โรนัลใจสลายเมื่อพบว่าเหยื่อเป็นพี่น้องของเธอ โรอาและลูกน้อย โล'อัครีบออกเดินทางไปเตือนพญาคานที่อีกฝั่งของมหาสมุทรโดยไม่ฟังใคร เนเทยัม ศีเรยา อาวนุง และร็อตโซ่รีบตามไปช่วย จนได้พบว่า พญาคานกำลังถูกนักล่าวาฬไล่ล่า พวกเขาถูกพบโดยกองทัพของ RDA จึงโดนตามล่า โล'อัค ศีเรยา และ ทู้คพลาดท่าถูกจับตัวขึ้นไปไว้บนเรือ เมื่อลูก ๆ ของพวกเขาตกอยู่ในอันตราย เจค เนย์ทิรี และ เผ่า เม็ตคายีน่า จึงร่วมมือกันออกเดินทางเพื่อเผชิญหน้าทำสงครามกับมนุษย์ ควอริทช์ใช้ลูก ๆ ของเจค บีบให้ยอมจำนน แต่เมื่อ โล'อัค ตกอยู่ในอันตราย พญาคานก็เข้าโจมตีนักล่าวาฬและเรือ ก่อให้เกิดการต่อสู้ที่คร่าชีวิตลูกเรือส่วนใหญ่และสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อเรือ เจค เนย์ทิริ และเผ่าเม็ตคายีน่าได้นำทัพเข้าโจมตีกองทัพของ RDA อย่างกล้าหาญ

สไปเดอร์ใช้โอกาสก่อความวุ่นวายทำให้เกิดเชื้อเพลิงจนเรือชนกับโขดหินจมลง ระหว่างที่พากันหลบหนี เนเทยัมเข้าช่วยชีวิตปกป้อง โล'อัค และ สไปเดอร์ จนถูกจ่าสิบโท ไลล์ เวนฟลีท เพื่อนร่วมทีมของควอริทช์ที่เป็นรีคอมบิแนนท์ กราดยิงจนเสียชีวิต ท่ามกลางความเสียใจของเนย์ทิรี เจค สไปเดอร์ และศีเรยา พวกเขาเผชิญหน้ากับควอริทช์และลูกเรือที่ใช้คิรีเป็นตัวประกัน เนย์ทิรีเต็มไปด้วยความแค้น บุกเข้าสังหารลูกเรือจนเหลือเพียงแค่ควอริทช์ ในขณะที่เจคจัดการรีคอมบิแนนท์ ไลล์ เวนฟลีตจนร่วงตกน้ำไป สไปเดอร์พยายามจะเข้าห้ามควอริทช์ แต่ถูกเนย์ทิรีจับไว้เป็นตัวประกัน เพราะรู้แก่ใจว่าสไปเดอร์เป็นลูกของไมลส์ ศัตรูที่เผาและสังหารครอบครัวและบ้านเกิดของเธอเมื่อ 15 ปีก่อน และยังเป็นต้นเหตุให้ลูกชายคนโตของบ้านต้องตาย เธอขู่ว่าจะใช้ชีวิตสไปเดอร์แลกชีวิตเนย์เทยัมที่เสียไป ควอริทช์พยายามปฏิเสธความสัมพันธ์ระหว่างเขากับสไปเดอร์ในตอนแรก แต่ต้องยอมใจอ่อน เมื่อเนย์ทิรีใช้มีดปาดที่หน้าอกสไปเดอร์และเงื้อมีดจะแทง จึงยอมปล่อยตัวคิรี ทั้งหมดที่หลงเหลือติดอยู่ในเรือที่กำลังจม เจคเข้าต่อสู้และรัดคอควอริทช์จนหมดสติและเชื่อว่าตายไปแล้ว เนย์ทิรี่ช่วยทู้คที่ไหลไปกับกระแสน้ำ ในขณะที่เจคได้รับการช่วยเหลือจากโล'อัค และพญาคาน ในขณะที่ คิรี ใช้พลังของเธอเรียกสัตว์ทะเลมารวมตัวช่วยชีวิตเนย์ทิรี และ ทู้ค ไว้ อีกด้านหนึ่ง สไปเดอร์ที่กำลังดำน้ำออกมาจากซากเรือได้พบเจอร่างของควอริทช์ที่หายใจโรยรินและช่วยเหลือเขาขึ้นมาบนบก

ควอริทช์ขอร้องให้สไปเดอร์เลือกที่จะหนีไปกับเขาในฐานะลูกชาย แต่สไปเดอร์ไม่อาจยอมรับความโหดร้ายที่ควอริทช์ก่อความสูญเสียต่อครอบครัวเจคได้ จึงเลือกที่จะกลับไปอยู่กับครอบครัวของเจค โดยเก็บงำความลับไว้ ส่วนควอริทช์ทำได้เพียงจากไปด้วยความเจ็บทั้งกายและใจ หลังจากพิธีมอบศพของเนเทยัมเป็นไปอย่างเศร้าโศก เจคแจ้งข่าวกับโตโนวารี และ โรนัล ว่าเขาจะออกเดินทางออกไปจากเม็ตคายีน่า อย่างไรก็ตาม โตโนวารีได้ถือว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มด้วยความเคารพนับถือในครอบครัวซัลลีที่สละชีวิตเพื่อปกป้องจนเป็นส่วนหนึ่งกับบรรพบุรุษ พร้อมยินดีต้อนรับครอบครัวของเขาให้อยู่ต่อ เจคและครอบครัวยอมรับในความเปลี่ยนแปลงและสร้างชีวิตใหม่ในทะเล เขาได้เชื่อมต่อกับจิตวิญญาณร่วมกับเนย์ทิรีผ่านต้นไม้แห่งจิตวิญญาณ ทั้งคู่ได้มองวิญญาณของเนเทยัมที่มีความสุข ด้วยความอบอุ่นใจที่ได้อยู่รวมกับเอวา โดยเจคสาบานว่าจะไม่หนี จะขอต่อสู้กับคนบนฟ้า RDA ผู้รุกรานต่อไปด้วยจิตวิญญาณแห่งพระแม่เอวาอันทรงพลัง

นักแสดง แก้

ซ้ายไปขวา: แซม เวิร์ธธิงตัน (ภาพถ่ายเมื่อปี ค.ศ. 2010), โซอี ซัลดานา (ภาพถ่ายเมื่อปี ค.ศ. 2018 ) และ ซิกัวร์นีย์ วีเวอร์ (ภาพถ่ายเมื่อปี ค.ศ. 2017) เป็นนักแสดงนำในภาพยนตร์
  • Sam Worthington as Jake Sully, a former human who fell in love with Neytiri and befriended the Na'vi after becoming a member of the Avatar Program, eventually taking their side in their conflict with humans and leading them to victory. He left his human body to permanently become Na'vi and is now chief of the Omatikaya.[14][15]
  • Zoe Saldaña as Neytiri te Tskaha Mo'at'ite, daughter of the previous leaders of the Omaticaya, the clan's future spiritual leader, and Jake's mate.[14][15]
  • Sigourney Weaver as Kiri te Suli Kireysi'ite, the 14-year-old daughter of Dr. Grace Augustine's Na'vi avatar who was adopted by Jake and Neytiri.[16] Weaver originally appeared in the first film as Dr. Grace Augustine, a human scientist who took the side of the Na'vi and died during the conflict. Her Na'vi avatar is revealed to have birthed Kiri despite her death. Like most of the cast, she learned free-diving for the film and filmed scenes underwater.[17]
    • Weaver also reprises her role as Dr. Grace Augustine, despite Weaver's saying in 2014 that she would not do so, though she and Cameron confirmed prior to then that she would return in the sequels:[7][18][19] she appears in this film in a video recording and in a spiritual vision in which she meets with Kiri.
  • Stephen Lang as Colonel Miles Quaritch, a human military officer who led the paramilitary division of the RDA in their conflict with the Na'vi.[20] After being killed by Neytiri, he is resurrected as a Recombinant[20] and seeks revenge against Jake and his family. Cameron said that Quaritch would act as the main antagonist in all five planned films.[21][22][23][24]
    • Lang also reprises his role as the late human Quaritch in a video recording made for his Recombinant self.
  • Kate Winslet as Ronal, a free diver of the Metkayina, the clan's spiritual leader, and pregnant wife of Tonowari.[25][26] Winslet called Ronal "a pivotal character in the ongoing story" but also "relatively small comparative to the lengthy shoot" since shooting all her scenes only took a month.[27] It marks her first time working with performance capture, and motion capture altogether. She, like most of the cast, also had to learn free diving for the film; while filming an underwater scene, she held her breath for over seven minutes, a new record for any film scene shot underwater.[17][27][28][29]
  • Cliff Curtis as Tonowari, the chief of the Metkayina clan and Ronal's husband.[30][31][32]
  • Joel David Moore as Dr. Norm Spellman, a former Avatar Program scientist who allies with the Na'vi.[33]
  • CCH Pounder as Mo'at, the Omatikaya's Tsahìk, and Neytiri's mother.[34][35]
  • Edie Falco as General Frances Ardmore, the commander in charge of the RDA's interests.[36]
  • Brendan Cowell as Captain Mick Scoresby, the head of an RDA private sector marine hunting vessel on the moon of Pandora.[37]
  • Jemaine Clement as Dr. Ian Garvin, a marine biologist working for the RDA.[38]
  • Jamie Flatters as Neteyam te Suli Tsyeyk'itan, Jake and Neytiri's 16-year-old son and oldest child.[39][40]
    • Jeremy Irwin as young Neteyam.[41]
    • Joel David Moore's son Oliver cameos as the infant Neteyam.[42]
  • Britain Dalton as Lo'ak te Suli Tsyeyk'itan, Jake and Neytiri's 14-year-old son.[39][40]
  • Trinity Jo-Li Bliss as Tuktirey "Tuk" te Suli Neytiri'ite, Jake and Neytiri's 8-year-old daughter and their youngest child.[39][40][43]
  • Jack Champion as Miles "Spider" Socorro, the 16-year-old son of Quaritch born in Hell's Gate (the human base on Pandora in the first film) who was raised by scientists who stayed back on Pandora and wears Na'vi attire and an oxygen mask when outside a building. He is inseparable from Jake and Neytiri's children.[39][40][44]
  • Bailey Bass as Tsireya "Reya", a graceful and strong free diver of the Metkayina and Tonowari and Ronal's daughter[39][40]
  • Filip Geljo as Aonung, a young male hunter, a free diver of the Metkayina, and Tonowari and Ronal's son[39][40]
  • Duane Evans Jr. as Rotxo, a young male hunter and free diver of the Metkayina[39][40]
  • Giovanni Ribisi as Parker Selfridge, the former corporate administrator for the RDA mining operation, who appears in a recording made for Quaritch's Recombinant.[45][46][47]
  • Dileep Rao as Dr. Max Patel, a former Avatar program scientist who allies with the Na'vi.[48]
  • Matt Gerald as Corporal Lyle Wainfleet, a Recombinant under Quaritch's command. Gerald was announced to reprise his role in August 2017.[32]
    • Gerald also reprises his role as the original human Wainfleet from the first film shown in Quaritch's video recording.











  • แซม เวิร์ธธิงตัน แสดงเป็น เจค ซัลลี: อดีตนาวิกโยธินพิการ ผู้ละทิ้งชีวิตมนุษย์หลังค้นพบความหมายจากโครงการอวตาร เพื่อครองรักกับเนย์ทิรี่และกลายเป็น โทรุคมัคโต ผู้นำพาเผ่าโอมาติคาย่าไปสู่ความเข้มแข็ง และเข้าต่อสู้กับคนบนฟ้าเพื่อปกป้องดาวแพนดอรา พร้อมกับลูก ๆ และภรรยาของเขา
  • โซอี ซัลดานา แสดงเป็น เนย์ทีรี: ลูกสาวของหัวหน้าเผ่าโอมาติกายาคนก่อน ว่าที่ผู้นำจิตวิญญาณของเผ่า และภรรยาของเจค[14][15]
  • ซิกัวร์นีย์ วีเวอร์ แสดงเป็น คิรี ซัลลี่/ดร. เกรซ ออกัสติน: ลูกสาวบุญธรรมของเจคและเนย์ทีรี ผู้เชื่อมโยงธรรมชาติเข้ากับเอวาอย่างน่าอัศจรรย์ ซิกัวร์นีย์ยังกลับมารับบทดร. เกรซ นักชีววิทยาอวกาศและหัวหน้าโครงการอวตารผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์หลังช่วยเหลือเจคในภาคแรก และแม่ที่แท้จริงของคิรี ที่เกิดขึ้นมาจากจิตวิญญาณของเธอและเอวา
  • ซีซีเอช พาวน์เดอร์ แสดงเป็น โมอาต: ผู้นำจิตวิญญาณของเผ่าโอมาติกายา แม่ของเนย์ทิรี ผู้สูญเสียสามีไปในสงครามในเหตุการณ์ภาคแรกและต้องดูแลครอบครัว
  • คลิฟฟ์ เคอร์ติส แสดงเป็น โตโนวารี: ผู้นำเผ่าเม็ตคายีน่า สามีของโรนัล ผู้มีความเคารพในตัวเจค ซัลลี่[13] และเปิดโอกาสให้ซัลลี่เข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่ง
  • เคต วินสเล็ต แสดงเป็น โรนัล: [13] นักดำน้ำลึกและภรรยาของผู้นำเผ่า เม็ตคายีน่า ที่กำลังตั้งครรภ์ลูกคนที่ 3 เธอรักธรรมชาติและท้องทะเล แต่ก็เจ้าอารมณ์
  • เจมี่ แฟลตเตอร์ส แสดงเป็น เนเทยัม ซัลลี่ ลูกชายคนโตสุดของเจค และเนย์ทิรี ผู้มีใจมุ่งมั่นที่จะเป็นนักรบเหมือนพ่ออย่างภาคภูมิใจ รักและพร้อมปกป้องน้องชาย
  • บริเตน ดัลตัน แสดงเป็น โล'อัค ซัลลี่ ลูกชายคนรองของเจค และเนย์ทิรี ผู้แปลกแยกและโดดเดี่ยวเพราะความรักที่พ่อมีให้พี่ชายมากกว่าตน จนได้เจอศีเรยา
  • ทรินิตี้ บลิส แสดงเป็น ทู้ค ทู้คทิรี ซัลลี่ ลูกสาวคนเล็กของเจค และ เนย์ทิรี ผู้รักการผจญภัย ฉลาด และชอบตามติดพี่น้องไปยังที่ต่าง ๆ และพยายามช่วยทุกคน
  • เบลีย์ แบส แสดงเป็น ศีเรยา (เรยา) นักดำน้ำลึก ลูกสาวคนเล็กโตโนวารีและโรนัลที่พบรักกับโล'อัค ระหว่างใช้ชีวิตร่วมกันในเผ่าเม็ตคายีน่า ผู้ไม่เคยตัดสินโล'อัค
  • ฟิลิป เกลโจ แสดงเป็น อาวนุง นักล่าแห่งเผ่าเม็ตคายีน่า ลูกชายคนโตของโตโนวารีและโรนัล ผู้ที่ถูกมองว่าเป็นลูกชายที่ไม่เอาไหน จึงกลั่นแกล้งโล'อัค จนล้ำเส้น
  • ดูแอน วิชแมน-อีวานส์ แสดงเป็น ร็อตโซ่ เพื่อนสนิทของอาวนุง ที่ตอนแรกล้อเลียนลูก ๆ ของเจค แต่ต่อมากลับเป็นมิตรกับพวกเขา โดยเฉพาะกับ คิรี
  • เคสตัน จอห์น แสดงเป็น ทาร์เซ็ม เพื่อนและคนที่ไว้ใจของเจค ผู้รับหน้าที่เป็นผู้นำของเผ่าโอมาติคาย่า แทนเจคที่พาครอบครัวอพยพออกไป

รีคอมบิแนนต์ แก้

  • สตีเฟน แลง แสดงเป็น พันเอก ไมลส์ ควอริตช์ อดีตผู้พันรักษาความปลอดภัยของเหมืองแร่และมือขวาของปาร์คเกอร์ที่แตกคอกันก่อนเสียชีวิตในเหตุการณ์ภาคที่แล้ว เขากลับมาในร่างโคลนอวตารจากดีเอ็นเอผสมที่ทรงพลังกว่าร่างมนุษย์ที่เรียกว่า รีคอมบีแนนท์ ด้วยความช่วยเหลือจากปาร์คเกอร์ เซลฟริดจ์ พร้อมความทรงจำเดิม และเขาคือพ่อของไมลส์ ควอริทช์ ซอคคอร์โร และต้องการจะตามล่าเจค ซัลลี่และครอบครัว
  • แมตต์ เจอรัลด์ แสดงเป็น สิบโท ไลล์ เวนฟลีต ผู้ร่วมศึกปะทะกับชาวนาวี่ ที่เสียชีวิตไปในเหตุการณ์ภาคแรก ก่อนจะกลับมาทำงานคู่กับควอริทช์ หลังฟื้นขึ้นมาในร่างโคลนจากดีเอ็นเอผสม
  • อลิเซีย เวลา-เบลลีย์ แสดงเป็น ซดินาสก์ (ซี-ด็อก) เจ้าหน้าที่หน่วยรบของ RDA ที่เสียชีวิตไป แต่กลับมาในร่างโคลนจากดีเอ็นเอผสม เบลลีย์ เคยรับบทอีเคนี ผู้นำของเผ่าเทย์รางงิ ในหนังภาคแรก และยังเป็นสตันท์ให้กับคิวบู๊ทั้งสองภาค
  • เควิน ดอร์แมน แสดงเป็น มันสค์/ทหารข้างกายของอาร์ดมอร์ หนึ่งในทหารที่ดีที่สุดของควอริทช์จนกระทั่งเสียชีวิต แต่กลับมาในร่างโคลนจากดีเอ็นเอ เขายังรับบทเป็นคนควบคุมรถแทร็คเตอร์ในภาคแรก และเป็นโมชั่นแคปเจอร์ของพญาคาน

ชาวมนุษย์ แก้

  • โจเอล เดวิด มัวร์ แสดงเป็น ดร.นอร์ม สเปลล์แมน นักมานุษยวิทยาต่างดาว ผู้ศึกษาพืชและชีวิตสัตว์เป็นส่วนหนึ่งโครงการอวตาร ผู้ช่วยของดร. เกรซ และเพื่อนของทอม ซัลลี่ พี่ชายของเจค ที่เข้าร่วมสงครามปกป้องชาวนาวี่ในภาคแรก สิบห้าปีต่อมา เขาได้ทำการทดลองวิทยาศาสตร์ เพื่อช่วยเหลือเผ่าโอมาติคาย่าให้อยู่ร่วมกับมนุษย์อย่างสันติที่ไฮแคมป์
  • แจ็ก แชมเปียน แสดงเป็น ไมลส์ "สไปเดอร์" โซคอร์โร มนุษย์คนแรกที่เกิดและเติบโตบนดาว เขาเป็นลูกชายที่เกิดจากควอริทช์และทหารหญิง ปาซ ซอคคอร์โร ที่ติดอยู่บนดาวแพนดอรา ก่อนที่เจคจะนำมาเลี้ยงจนสนิทสนมกับลูก ๆ ของเขาเหมือนลูก เขารักผืนป่าของดาว และพร้อมจะปกป้องพวกพ้องและครอบครัวโดยเฉพาะ คิรี คนสำคัญของเขา
  • จิโอวานนี ริบิซี แสดงเป็น พาร์กเกอร์ เซลฟริดจ์ อดีตผู้ดูแลการทำเหมืองแร่ขององค์กร RDA ที่อยู่เบื้องหลังการบุกรุกแพนดอรา หัวหน้าผู้สนิทสนมกับมือขวา ไมลส์ ควอริทช์ แต่ได้รับรู้ถึงผลลัพธ์อันเลวร้ายกว่าที่เขาคิดไว้หลังโฮมทรีถูกทำลาย เขากลับใจและพยายามจะห้ามควอริทช์ในเหตุการณ์ภาคแรกแต่ไม่สำเร็จ ผู้ที่มอบที่เก็บข้อมูลดีเอ็นเอผสม "โซลไดรฟ์" ที่บรรจุข้อมูลและความทรงจำให้ควอริทช์ก่อนจะเสียชีวิต เมื่อถูกเจคและเนย์ทิริเนรเทศออกจากดาวจึงได้เตือนว่า คนบนฟ้าจะกลับมา
  • เจเมน เคลเมนต์ แสดงเป็น ดร.เอียน การ์วิน[13] นักชีววิทยาทางทะเล ผู้คอยให้ข้อมูลแก่มนุษย์ในท้องทะเล เขาไม่เห็นด้วยกับการกระทำของ RDA แต่ถูกบีบบังคับ
  • เบรนแดน คาเวลล์ แสดงเป็น กัปตันมิก สกอร์สบี้[13] ผู้ต้องการจะล่าโทลคูนมาใช้เป็นประโยชน์แก่มวลมนุษย์ เขาชอบล่าโทลคูนเป็นชีวิตจิตใจและคิดว่าเขาฉลาดกว่า
  • อีดี ฟัลโก แสดงเป็น นายพล ฟรานเซส อาร์ดมอร์[13] นายพลหญิง ผู้นำเปิดสงครามคุกคามชาวนาวี่กับ เจค ซัลลี่ เป็นคนที่โหดเหี้ยมและทำทุกอย่างโดยไม่สนวิธีการ
  • ไดลีป เรา แสดงเป็น ดร. แมกซ์ พาเทล นักวิทยาศาสตร์ผู้ทำงานในโครงการอวตารและช่วยเหลือการก่อกบฏของเจคต่อ RDA และคอยอยู่ช่วยเหลือชาวดาวแพนดอรา
  • ฟีล บราวน์ แสดงเป็น ชาลส์ สตริงเกอร์ หัวหน้าผู้ดูแลระบบคนใหม่ขององค์กร RDA แทนที่เซลฟริดจ์ เขาเป็นคนสั่งการให้อาร์ดมอร์ใช้ไม้แข็งกับชาวนาวี่ หลังเปิดการเจรจา 1 ปีแต่ไม่สำเร็จ เขาต้องการจะเปลี่ยนให้ดาวแพนดอรากลายเป็นอาณานิคมใหม่ของมนุษย์

ทีมพากย์เสียงไทย แก้

  • เจค ซัลลี – ณฐพงษ์ เธียรสวัสดิ์กิจ
  • เนย์ทิริ – ณัฐฐา หิรัญสถิตย์ (แทน ลัดดา สุขธาราจารในภาคแรก)
  • พันเอก ไมลส์ ควอริทช์ - รอง เค้ามูลคดี
  • ปาร์คเกอร์ เซลฟริดจ์ - ธงชัย ชาญชำนิ
  • คิรี – พิมพ์ขวัญ ลิ้มรัตนวิสูตร
  • เกรซ - สุมาลี สุธีรธรรม
  • โทโนวารี - อภิชาติ สมุทรคิรี
  • โรนัล – โศภิตา รังสิโยทัย
  • โลอัค - อิทธิพัทธ์ เล็กอุทัยวรรณ
  • เนเทยัม - ศุภเศรษฐ์ ภูธนะกูล
  • สไปเดอร์ - เตชินห์ ศรีเบญจโชติ
  • อาวนุง - อธิพัฒน์ ถนอมสัมพันธ์
  • ศีเรยา - เจติยา จันทรา
  • ทู้คทีริ - ณฐมน อรุณประสบสุข
  • ดร. เอียน การ์วิน - รัตนชัย เหลืองวงศ์งาม
  • กัปตันมิก สกอร์สบี้ - ติณณ์ปวัฒน์ ดิษฐาหิรัญ
  • จ่าสิบโท ไลล์ เวนฟลีท - จิราวัฒน์ วชิรศรัณย์ภัทร
  • อดัม เบล๊ค - ภูมิใจ องค์สุระชัย

อ้างอิง แก้

  1. McClintock, Pamela; Couch, Aaron (October 29, 2022). "'Avatar: The Way of Water' Runtime Sails Past Three Hours". The Hollywood Reporter (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 29, 2022. สืบค้นเมื่อ October 29, 2022.
  2. McClintock, Pamela (November 22, 2022). "Box Office: Avatar : The Way of Water Lands Coveted China Release". The Hollywood Reporter. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 23, 2022. สืบค้นเมื่อ November 23, 2022.
  3. D'Alessandro, Anthony (December 18, 2022). "Avatar: The Way Of Water Opens To $134M; Why Pic's Box Office Fate Will Be Determined Through The Holidays – Sunday AM Update". Deadline Hollywood. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 18, 2022. สืบค้นเมื่อ December 18, 2022.
  4. "Avatar: The Way of Water". Box Office Mojo. IMDb. สืบค้นเมื่อ May 26, 2023.
  5. "Avatar: The Way of Water". The Numbers. Nash Information Services, LLC. สืบค้นเมื่อ May 26, 2023.
  6. Mahajan, Viraj (September 24, 2019). "Too much pressure on James Cameron for Avatar 2 after Avengers: Endgame?". International Business Times. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 27, 2019. สืบค้นเมื่อ January 17, 2020.
  7. 7.0 7.1 Klein, Brennan (April 30, 2022). "Avatar 2 First Images Reveal What James Cameron Has Spent 13 Years On". Screen Rant (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 30, 2022. สืบค้นเมื่อ April 30, 2022.
  8. Carroll, Larry (June 29, 2006). "'Titanic' Mastermind James Cameron's King-Size Comeback: Two Sci-Fi Trilogies". MTV. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 5, 2006. สืบค้นเมื่อ October 18, 2006.
  9. Rosenberg, Adam (January 8, 2010). "'Avatar' Sequel Confirmed By James Cameron... And Here's What We'd Like To See". MTV. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 16, 2010. สืบค้นเมื่อ January 11, 2010.
  10. McClintock, Pamela (October 27, 2010). "James Cameron's 5-year plan". Variety. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 12, 2011. สืบค้นเมื่อ October 27, 2010.
  11. White, Adam (July 23, 2020). "Avatar 2 delayed indefinitely due to coronavirus, confirms James Cameron". The Independent (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ March 22, 2021.
  12. Whitten, Sarah. "'Avatar: The Way of Water' review roundup: See it on the biggest screen possible, critics say". CNBC (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ December 17, 2022.
  13. 13.0 13.1 13.2 13.3 13.4 13.5 Avatar 2: Every Character Returning In James Cameron’s Long-Delayed Sequel
  14. 14.0 14.1 14.2 Robertson, Lindsay (January 14, 2010). "James Cameron Planning 'Avatar' Trilogy". Yahoo! Movies. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 18, 2010. สืบค้นเมื่อ January 17, 2010.
  15. 15.0 15.1 15.2 Ditzian, Eric (December 21, 2009). "James Cameron Talks 'Avatar' Sequel Plans". MTV. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 14, 2010. สืบค้นเมื่อ January 2, 2010.
  16. Travis, Ben (July 1, 2022). "Sigourney Weaver Plays Jake And Neytiri's Adopted Teenage Na'vi Daughter In Avatar 2 – World-Exclusive". Empire. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 1, 2022. สืบค้นเมื่อ July 1, 2022.
  17. 17.0 17.1 Rawden, Jessica (November 1, 2020). "Kate Winslet Beats Tom Cruise's Underwater Record In Avatar 2". Screen Rant. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 1, 2020. สืบค้นเมื่อ April 4, 2022.
  18. "Sigourney Weaver Avatar 2 role confirmed". BBC News. September 18, 2011. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 18, 2011. สืบค้นเมื่อ September 18, 2011.
  19. Valdez, Rubi (September 14, 2014). "Avatar 2 Movie Spoilers, Release Date: Sigourney Weaver Alive, Will Play Crucial Role in New Trilogy". Breathecast.com. Breathe Cast. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 25, 2017. สืบค้นเมื่อ September 25, 2017.
  20. 20.0 20.1 Travis, Ben (July 3, 2022). "Stephen Lang's Quaritch Is 'Bigger, Bluer, And Pissed Off' In Avatar 2 – Exclusive Image". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 3, 2022. สืบค้นเมื่อ July 3, 2022.
  21. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ Avatar's Darth Vader
  22. "Avatar 2 Filming Starts This Week!". SuperHeroHype. September 25, 2017. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 13, 2019. สืบค้นเมื่อ September 25, 2017.
  23. Evry, Max (August 8, 2017). "Colonel Quaritch Will be the Main Villain in the Avatar Sequels". ComingSoon.net. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 24, 2017. สืบค้นเมื่อ September 30, 2017.
  24. Boucher, Geoff (November 14, 2018). "James Cameron: The 'Avatar' Sequels Have Wrapped Production". Deadline Hollywood. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 14, 2018. สืบค้นเมื่อ November 14, 2018.
  25. Fleming, Mike Jr. (October 3, 2017). "Kate Winslet Joins 'Avatar' Universe For 'Titanic' Reunion With James Cameron". Deadline Hollywood. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 4, 2017. สืบค้นเมื่อ October 4, 2017.
  26. Couch, Aaron; Galuppo, Mia (October 3, 2017). "Kate Winslet Joins James Cameron's 'Avatar' Universe". The Hollywood Reporter. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 4, 2017. สืบค้นเมื่อ April 27, 2022.
  27. 27.0 27.1 Setoodeh, Ramin (October 24, 2017). "Kate Winslet on Woody Allen, 'Wonder Wheel' and the 20th Anniversary of 'Titanic'". Variety. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 24, 2017. สืบค้นเมื่อ October 29, 2017.
  28. Mitchell, Bea (June 13, 2018). "Zoe Saldaña has already finished shooting Avatar 2 and 3". Digital Spy. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 26, 2018. สืบค้นเมื่อ June 26, 2018.
  29. Rawden, Jessica (June 13, 2018). "Zoe Saldaña Has Wrapped Filming, And Other Details About Avatar 2 And 3". CinemaBlend. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 26, 2018. สืบค้นเมื่อ June 26, 2018.
  30. Chitwood, Adam (May 9, 2017). "'Avatar' Sequels Add 'Fear the Walking Dead' Star Cliff Curtis in Lead Role". Collider. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 26, 2017. สืบค้นเมื่อ September 25, 2017.
  31. D'Alessandro, Anthony (May 9, 2017). "'Avatar' Sequels Update: 'Fear The Walking Dead's Cliff Curtis Signs On For Lead Role". Deadline Hollywood. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 25, 2017. สืบค้นเมื่อ September 25, 2017.
  32. 32.0 32.1 D'Alessandro, Anthony (August 7, 2017). "Matt Gerald Returning To James Cameron's 'Avatar' World; Boards Crackle's 'The Oath'". Deadline Hollywood. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 11, 2017. สืบค้นเมื่อ September 25, 2017.
  33. N'Duka, Amanda (May 31, 2017). "Joel David Moore Returning For 'Avatar' Sequels". Deadline Hollywood. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 9, 2017. สืบค้นเมื่อ September 25, 2017.
  34. McNary, Dave (July 24, 2017). "CCH Pounder to Return for 'Avatar' Sequels". Variety. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 25, 2017. สืบค้นเมื่อ September 25, 2017.
  35. Hipes, Patrick (July 24, 2017). "CCH Pounder Rejoins 'Avatar' Team For Sequels". Deadline Hollywood. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 30, 2017. สืบค้นเมื่อ September 25, 2017.
  36. D'Alessandro, Anthony (February 6, 2019). "Edie Falco Joins James Cameron's 'Avatar' Franchise". Deadline Hollywood. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 25, 2019. สืบค้นเมื่อ February 6, 2019.
  37. Couch, Aaron (March 28, 2019). "'Avatar' Sequels Cast 'Game of Thrones' Actor Brendan Cowell". The Hollywood Reporter. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 28, 2019. สืบค้นเมื่อ March 28, 2019.
  38. McNary, Dave (May 15, 2019). "James Cameron's 'Avatar' Sequels Casts Jemaine Clement". Variety. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 17, 2019. สืบค้นเมื่อ May 15, 2019.
  39. 39.0 39.1 39.2 39.3 39.4 39.5 39.6 Goldberg, Matt (September 27, 2017). "'Avatar' Sequels Reveal First Look at the Young Cast". Collider. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 28, 2017. สืบค้นเมื่อ September 27, 2017.
  40. 40.0 40.1 40.2 40.3 40.4 40.5 40.6 Hibberd, James (September 27, 2017). "Avatar 2: First look at sequel's next generation cast". Entertainment Weekly. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 27, 2017. สืบค้นเมื่อ September 27, 2017.
  41. "FEATURE FRIDAY🌟 we are so excited to feature JEREMY IRWIN and applaud him for his role in Avatar: The Way Of Water!!! Jeremy booked this role years ago when he was in Biz Kids with Tess and we're finally able to feature this awesome young actor and his truly awesome booking! 🎭 Congratulations @officialjeremyirwin". instagram.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 12, 2023. สืบค้นเมื่อ August 12, 2023.
  42. Warner, Kara (January 27, 2023). "How 'Avatar: The Way of Water' Star Joel David Moore's Son Made His Film Debut as Baby Na'Vi". People.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 27, 2023. สืบค้นเมื่อ January 27, 2023.
  43. Hutchinson, Emily (February 19, 2019). "Avatar 2 time jump revealed by James Cameron". Digital Spy. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 19, 2019. สืบค้นเมื่อ March 12, 2019.
  44. "New 'Avatar 2' Photo Introduces Spider, a Human Adopted by Jake and Neytiri". Collider. December 20, 2021. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 20, 2021. สืบค้นเมื่อ December 21, 2021.
  45. Kaye, Don (April 21, 2021). "How The Saving Private Ryan Cast Launched A New Generation Of Stars". Den of Geek. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 27, 2022. สืบค้นเมื่อ December 2, 2022.
  46. N'Duka, Amanda (October 13, 2017). "'Avatar': Giovanni Ribisi Returning For All Four Sequels". Deadline Hollywood. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 13, 2017. สืบค้นเมื่อ October 13, 2017.
  47. Harp, Justin (October 13, 2017). "James Cameron's Avatar is bringing back Giovanni Ribisi as Parker Selfridge for All the sequels". Digital Spy. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 17, 2019. สืบค้นเมื่อ January 20, 2023.
  48. N'Duka, Amanda (January 25, 2018). "Dileep Rao To Reprise His Role In James Cameron's 'Avatar' Films". Deadline Hollywood. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 26, 2018. สืบค้นเมื่อ January 25, 2018.