สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในฤดูกาล 1995–96

ฤดูกาล 1995–96 เป็นฤดูกาลที่ 4 ของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในพรีเมียร์ลีกและเป็นฤดูกาลที่ 21 ติดต่อกันในลีกสูงสุดของฟุตบอลอังกฤษ[1] ยูไนเต็ดจบฤดูกาลด้วยการเป็นสโมสรอังกฤษทีมแรกที่คว้าดับเบิลแชมป์ (แชมป์ลีกและเอฟเอคัพ) 2 ครั้ง พวกเขาทำให้น่าทึ่งยิ่งขึ้นเมื่ออเล็กซ์ เฟอร์กูสันขายผู้เล่นมากประสบการณ์อย่างพอล อินซ์, มาร์ก ฮิวส์ และอังเดร แคนเชลสกี ก่อนเริ่มฤดูกาล และไม่ได้เซ็นสัญญาสำคัญใด ๆ แต่เขามีนักเตะอายุน้อยอย่างนิคกี บัตต์, เดวิด เบ็คแคม, พอล สโกลส์ และพี่น้องเนวิล, แกรีและฟิล ขึ้นมาแทน

แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
ฤดูกาล 1995–96
ประธานสโมสรมาร์ติน เอ็ดเวิดส์
ผู้จัดการทีมอเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
กัปตันทีมสตีฟ บรูซ
สนามโอลด์แทรฟฟอร์ด
พรีเมียร์ลีกแชมป์
สีชุดเหย้า
สีชุดเยือน
สีชุดที่ 3

เอริก ก็องโตนากลับมาจากการถูกแบน 8 เดือนเมื่อต้นเดือนตุลาคม และจบฤดูกาลในฐานะผู้ทำประตูสูงสุดของสโมสรด้วยจำนวน 19 ประตูในทุกรายการ โดยประตูสุดท้ายของเขาในฤดูกาลนี้คือประตูชัยจากการยิงฟรีคิกใส่ลิเวอร์พูล ในเอฟเอคัพ รอบชิงชนะเลิศ เขายังได้รับเหรียญรางวัลแชมป์พรีเมียร์ลีกและรางวัลนักฟุตบอลแห่งปีของสมาคมผู้สื่อข่าวฟุตบอล แชมป์พรีเมียร์ลีกได้รับการยืนยันในวันสุดท้ายของฤดูกาลด้วยชัยชนะ 3-0 เหนือมิดเดิลส์เบรอของไบรอัน ร็อบสัน

ภาพรวมฤดูกาล แก้

เมื่อเริ่มต้นฤดูกาลโดยไม่มีการเซ็นสัญญาสำคัญในช่วงซัมเมอร์ นักวิจารณ์ก็พร้อมที่จะโจมตียูไนเต็ด เนื่องจากพวกเขาแพ้เกมเยือนนัดแรกของฤดูกาล 1-3 ต่อแอสตันวิลลาที่วิลลาพาร์ก ยูไนเต็ดตอกกลับด้วยการคว้าชัย 5 นัดติดต่อกันในลีก ส่วนรองจ่าฝูงของตารางคือนิวคาสเซิลยูไนเต็ด ที่เซ็นสัญญาคว้าตัวเลส เฟอร์ดินานด์ หัวหอกมูลค่าหลายล้านปอนด์จากควีนส์พาร์กเรนเจอส์ และดาวีด ฌีโนลา พวกเขาขึ้นเป็นจ่าฝูงของลีกหลังจากเสมอแบบไร้สกอร์กับเชฟฟีลด์เว้นสเดย์ช่วงสิ้นเดือนกันยายน จากนั้นก็องโตนาก็กลับมาในวันที่ 1 ตุลาคม เมื่อเขายิงจุดโทษตีเสมอให้ยูไนเต็ดเสมอกับลิเวอร์พูล 2-2 ที่โอลด์แทรฟฟอร์ด

ในฤดูใบไม้ร่วง ยูไนเต็ดตกรอบจากน้ำมือของยอร์คซิตีในลีกคัพรอบที่ 2 และโรเตอร์โวลโกกราดในยูฟ่าคัพรอบที่ 1 โดยยูไนเต็ดรักษาสถิติไม่แพ้ใครในบ้าน 39 ปีในการแข่งขันฟุตบอลสโมสรยุโรปด้วยประตูตีเสมอในช่วงท้ายเกมของพีเตอร์ สไมเกิล ในเลกที่ 2 ของฟุตบอลสโมสรยุโรปจากการโหม่งประตูที่ไรอัน กิ๊กส์ เปิดเตะมุมเข้ามา ความพ่ายแพ้ 0-3 ในบ้านต่อทีมจากดิวิชั่น 2 ในเลกที่ 1 ของลีกคัพรอบที่ 2 เป็นนัดเดียวที่พวกเขาแพ้ในบ้านในฤดูกาลนี้ การชนะ 3-1 ในเลกที่ 2 ที่ Bootham Crescent ยังไม่เพียงพอและยูไนเต็ดต้องตกรอบอย่างน่าอัปยศอดสู อย่างน้อยความผิดหวังเหล่านี้หมายความว่ายูไนเต็ดมีเพียงลีกให้จดจ่อจนถึงหลังวันคริสต์มาส ซึ่งแตกต่างจากเพื่อนร่วมลุ้นแชมป์ลีกบางทีม

ยูไนเต็ดยังคงไม่แพ้ใครตลอดเดือนตุลาคมและพฤศจิกายน แม้ว่าพวกเขาจะยังคงเป็นรองจ่าฝูงของตารางตามหลังนิวคาสเซิล จากนั้นมา 5 นัดติดต่อกันโดยไร้ชัยชนะทำให้พวกเขาตามหลังนิวคาสเซิล 10 แต้มในช่วงคริสต์มาส เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม พวกเขาเปิดบ้านรับนิวคาสเซิ่ลและชนะ 2-0 โดยหนึ่งในประตูมาจากแอนดี โคล อดีตกองหน้าจอมถล่มประตูของนิวคาสเซิลที่มาถึงโอลด์แทรฟฟอร์ดเมื่อฤดูหนาวที่แล้ว และช่องว่างของคะแนนลดลงเหลือ 7 คะแนน การชนะคิวพีอาร์ 2–1 ทำให้ช่องว่างเหลือ 4 คะแนนในช่วงสั้น ๆ การเปิดตัวครั้งแรกในนัดนั้นคือกองหลังชาวฝรั่งเศส วิลเลี่ยม พรูเนียร์ ที่เซ็นสัญญาทดสอบฝีเท้ากับสโมสรหลังจากแกรี พัลลิสเตอร์ ได้รับบาดเจ็บ พรูเนียร์ยังปรากฏตัวในทีมยูไนเต็ดในช่วงวันปีใหม่ ซึ่งยูไนเต็ดชนะทอตนัม 4–1 ที่ไวต์ฮาร์ตเลน และพรูเนียร์ก็ออกจากสโมสรไปในไม่ช้า แต่เอริก ก็องโตนายิงตีเสมอ โดยเหลือเวลาอีก 10 นาทีเพื่อเล่นนัดรีเพลย์ที่โรเกอร์พาร์ก โดยซันเดอร์แลนด์ขึ้นนำอีกครั้งก่อนที่ยูไนเต็ดจะพลิกแซงเอาชนะไปได้ในที่สุด 2-1 มีความหงุดหงิดมากขึ้นเมื่อเกมลีกนัดที่ 2 ของยูไนเต็ดในปี ค.ศ. 1996 พวกเขาเสมอ 0–0 ในบ้านต่อแอสตันวิลล่า เกมลีกนัดสุดท้ายของเดือนชนะเวสต์แฮม 1–0 จากนั้นชนะเรดดิ้งอย่างง่ายดาย 3–0 ในเอฟเอคัพรอบที่ 4 ที่เอล์มพาร์ก

ยูไนเต็ดลดช่องว่างระหว่างพวกเขากับจ่าฝูงอย่างนิวคาสเซิลอีกครั้งในเดือนกุมภาพันธ์ โดยชนะทั้ง 4 นัดในลีกในเดือนนั้น ชัยชนะ 4-2 เหนือวิมเบิลดันที่เซลเฮิร์สต์พาร์ก ตามมาด้วยการปะทะในบ้านกับแบล็กเบิร์น แชมป์ฤดูกาลที่แล้วซึ่งอยู่กลางตารางในการป้องกันแชมป์ลีกอย่างน่าผิดหวัง แม้ว่าจะมีแอลัน เชียเรอร์ และคริส ซัตตัน กองหน้าจอมถล่มประตู ลี ชาร์ปยิงประตูชัยให้ยูไนเต็ดชนะ 1-0 และนัดถัดมาคือเปิดบ้านเอาชนะเอฟเวอร์ตัน 2-0 เดือนนี้จบลงด้วยชัยชนะเหนือโบลตัน 6-0 ซึ่งผลักดันให้เจ้าบ้านเข้าใกล้การตกชั้นมากขึ้น และยังทำให้ผลต่างประตูได้เสียของยูไนเต็ดเพิ่มขึ้นอย่างมาก และทำให้ยูไนเต็ดตามหลังนิวคาสเซิลเพียง 4 แต้ม ยูไนเต็ดยังเอาชนะแมนเชสเตอร์ซิตี 2-1 ในเกมเอฟเอคัพ รอบ 5 ที่โอลด์แทรฟฟอร์ด

เดือนมีนาคมเริ่มต้นด้วยการเดินทางไปยังไทน์ไซด์ของนิวคาสเซิลเพื่อตัดสินตำแหน่งแชมป์ลีก ยูไนเต็ดเสมอกับเจ้าบ้านในครึ่งแรกของการแข่งขัน ในที่สุดการป้องกันของนิวคาสเซิลก็พังในครึ่งหลังด้วยประตูของก็องโตนา และตอนนี้ช่องว่างก็ลดลงเหลือแต้มเดียว ยูไนเต็ดขึ้นไปเป็นจ่าฝูงในสุดสัปดาห์ถัดมาด้วยการเสมอกับคิวพีอาร์ 1-1 และประตูของคันโตน่าทำให้พวกเขาเปิดบ้านเอาชนะอาร์เซนอล 1-0 ในวันที่ 20 มีนาคม ยูไนเต็ดขึ้นเป็นจ่าฝูงของตารางในช่วงที่เหลือของฤดูกาล ยูไนเต็ดเข้าสู่เกมนัดสุดท้ายของฤดูกาลโดยรู้ว่าผลเสมอกับมิดเดิลส์เบรอจะทำให้พวกเขาคว้าแชมป์ และนิวคาสเซิลจำเป็นต้องเอาชนะทอตนัมเพื่อโอกาสลุ้นแชมป์ ชัยชนะ 3–0 ทำให้ยูไนเต็ดคว้าแชมป์ และในวันเสาร์ถัดมาพวกเขาเอาชนะลิเวอร์พูล 1–0 ในนัดชิงชนะเลิศเอฟเอคัพ โดยได้ประตูชัยในช่วงท้ายจากเอริก ก็องโตนา (ได้รับการโหวตให้เป็นนักฟุตบอลแห่งปีของสมาคมผู้สื่อข่าวฟุตบอล) ทำให้พวกเขาเป็นสโมสรแรกที่คว้าดับเบิ้ลแชมป์สองครั้ง

สตีฟ บรูซกองหลังกัปตันทีม และพอล พาร์กเกอร์แบ็คขวาย้ายออกไปเมื่อจบฤดูกาล ทำให้ เอริก ก็องโตนา กลายเป็นกัปตันทีมคนใหม่ โดยมี พีเตอร์ สไมเกิล กับ รอย คีน เป็นรองกัปตันทีม เช่นเดียวกับ โทนี่ โคตัน ผู้รักษาประตูมือสองที่เพิ่งเข้าร่วมสโมสรในเดือนมกราคมและไม่เคยลงเล่นในทีมชุดใหญ่เลย เมื่อฤดูกาลใกล้จะจบลง มีการคาดเดากันว่ายูไนเต็ดจะเซ็นสัญญากับกองหน้าระดับโลก ซึ่งอาจจะเป็นแอลัน เชียเรอร์ที่ล้มเหลวกับแบล็กเบิร์น โรเวอส์ เพื่อเข้ามาเป็นคู่หูกับเอริก ก็องโตนาในการนำถ้วยแชมป์ยูโรเปียนคัพสู่โอลด์แทรฟฟอร์ด

ฤดูกาลนี้ยังสร้าง 1 ในช่วงเวลาที่น่าอับอายที่สุดในประวัติศาสตร์เสื้อฟุตบอล เมื่อยูไนเต็ดเปลี่ยนชุดในช่วงพักครึ่งระหว่างเกมเยือนที่ออกไปพ่ายเซาแทมป์ตัน โดยอเล็กซ์ เฟอร์กูสันระบุว่าเป็นเพราะเขารู้สึกว่าชุดดังกล่าวทำให้ผู้เล่นมองไม่เห็นกันและกันในสนามรวมถึงความจริงที่ว่ายูไนเต็ดไม่ชนะเลยแม้แต่นัดเดียวจาก 5 นัดที่เล่นโดยสวมชุดเยือนนี้

ทีม แก้

ผู้รักษาประตู แก้

กองหลัง แก้

กองกลาง แก้

กองหน้า แก้

อ้างอิง แก้

  1. "Manchester United Season 1995/96". StretfordEnd.co.uk. สืบค้นเมื่อ 12 November 2007.