สี่ยอดพธู (จีน: 四大美人; พินอิน: sì dà měi rén; อังกฤษ: Four Beauties) เป็นคำเรียกสตรีสี่คนที่ได้ชื่อว่างดงามที่สุดในประวัติศาสตร์จีนโบราณ โดยทั้งสี่คนนี้มีบทบาทสำคัญที่ทำให้สถานการณ์บ้านเมืองพลิกผันถึงขั้นล่มสลายของอาณาจักรหรือเป็นจุดเปลี่ยนของประวัติศาสตร์ คำโคลงจีนที่ใช้เรียกสตรีทั้งสี่นี้ได้แก่ "沉鱼落雁,闭月羞花" ถาวร สิกขโกศล แปลเป็นไทยว่า

ตัวเต็ม   ตัวย่อ   พินอิน   ความหมาย

西施沉魚
昭君落雁
貂嬋閉月
貴妃羞花

西施沉鱼
昭君落雁
貂婵闭月
贵妃羞花

XīShī chén yú
ZhāoJūn luòyàn
DiāoChán bì yuè
GuìFēi xiū huā

มัจฉาจมวารี
ปักษีตกนภา
จันทร์หลบโฉมสุดา
มวลผกาละอายนาง

[1]

รายชื่อนามสตรีทั้งสี่ เรียงตามช่วงเวลาในประวัติศาสตร์ดังนี้

  1. ไซซี (Xi Shi, 沉鱼, 西施) มีชีวิตอยู่ช่วง ศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสตกาล ในสมัยชุนชิว ได้ฉายาว่า "มัจฉาจมวารี" (沉鱼) เนื่องจากในนิทานพื้นบ้านได้เล่าว่า วันหนึ่งไซซีไปฟอกด้ายยังริมลำธาร เหล่าปลาในลำธาร เมื่อได้เห็นรูปโฉมของนางก็ถึงกับตะลึง ความงามของนางนั้น ทำให้ฝูงปลาถึงกับจมลงไปในน้ำโดยไม่รู้ตัว บางตัวก็ถึงกับหมดเรี่ยวแรง ปล่อยให้สายน้ำพัดจนไปชนกับโขดหิน
  2. หวัง เจาจฺวิน (Wang Zhaojun) มีชีวิตอยู่ในช่วงราชวงศ์ฮั่นตะวันตก ได้ฉายาว่า "ปักษีตกนภา" (落雁) เพราะวันหนึ่งหวัง เจาจฺวิน นั่งอยู่บนหลังม้า เหล่านกที่บินบนอากาศ เมื่อได้เห็นรูปโฉมของนางก็ถึงกับตะลึง ความงามของนางนั้น ทำให้ฝูงนกถึงกับร่วงลงพื้นดินโดยไม่รู้ตัว
  3. เตียวเสียน (Diao Chan) มีชีวิตอยู่ในยุคสามก๊ก ได้ฉายาว่า "จันทร์หลบโฉมสุดา" (闭月) เพราะคืนหนึ่งนางได้ไหว้พระจันทร์ ดวงจันทร์ได้เห็นรูปโฉมของนางก็ถึงกับตะลึง ความงามของนางนั้น ทำให้ดวงจันทร์ถึงกับซ่อนในม่านเมฆโดยไม่รู้ตัว
  4. หยางกุ้ยเฟย์ (Yang Guifei) มีชีวิตอยู่ในช่วงราชวงศ์ถัง ได้ฉายาว่า "มวลผกาละอายนาง" (羞花) เพราะครั้งหนึ่งนางไปชมทุ่งดอกไม้ ปรากฏว่าร่างกายของนางมีกลิ่นหอมฟุ้ง เหล่ามวลดอกไม้ที่ปลูกรอบตัวนาง เมื่อได้เห็นรูปโฉมของนางก็ถึงกับตะลึง ความงามของนางนั้น ทำให้กลีบดอกไม้หุบลงโดยไม่รู้ตัว

อิทธิพล แก้

ชื่อของย่านซีเม แปลว่าสี่ยอดพธู

อ้างอิง แก้

  1. สิกขโกศล, ถาวร (2544). สี่ยอดหญิงงามผู้พลิกประวัติศาสตร์จีน. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์สร้างสรรค์บุ๊คส์.