วัดน้ำริดใต้
วัดน้ำริดใต้ ตั้งอยู่ที่ บ้านน้ำริดใต้ หมู่ที่ 1 ตำบลน้ำริด อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ สังกัดเขตการปกครองคณะสงฆ์ตำบลน้ำริด ตัววัดมีเนื้อที่ 5 ไร่ 2 งาน 33 ตารางวา ตั้งอยู่ทางใต้ของหมู่บ้าน ติดถนนสายหมู่บ้านน้ำริดและถนนสายนานกกกสู่ถนนสายหัวดงลับแล ปัจจุบันมี พระธนพร ธมฺมปาโล เป็นรักษาการเจ้าอาวาสวัดน้ำริดใต้รูปปัจจุบัน[1]
วัดน้ำริดใต้ | |
---|---|
ชื่อสามัญ | วัดน้ำริดใต้ |
ที่ตั้ง | หมู่ที่ 1 ตำบลน้ำริด อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ 53000 |
ประเภท | วัดราษฎร์ |
นิกาย | เถรวาท มหานิกาย |
เจ้าอาวาส | พระธนพร ธมฺมปาโล |
ส่วนหนึ่งของสารานุกรมพระพุทธศาสนา |
ประวัติ แก้
วัดในหมู่บ้านน้ำริด เดิมมีวัดเดียว ตั้งอยู่กลางหมู่บ้าน ( ปัจจุบันเป็นโรงเรียนน้ำริดราษฎร์บำรุง ) แต่ต่อมาหมู่บ้านทางเหนือมีประชากรเพิ่มมากขึ้น จึงพากันย้ายวัดไปตั้งที่ ม่อนปู่ท่อง ( โรงเรียนไผ่ล้อมสามัคคี ในปัจจุบัน ) เป็นเหตุให้ชาวบ้านตอนใต้ไม่ยอม และเล็งเห็นว่า ที่ดินตรงที่น้ำพัดไม้มากองอยู่นั้น เป็นลานกว้าง ชาวบ้านจึงพร้อมใจกันที่จะสร้างวัดตรงลานกว้างที่วางอยู่ เพราะว่าน้ำไม่ได้ท่วมตลอดปี
นับตั้งแต่นั้นมา ขุนวารีฤทธิ์ดำรง เป็นหัวหน้า ( กำนัน ) ได้ขอตั้งวัดเมื่อ ปี พ.ศ. 2401 หมู่บ้านน้ำริดจึงมีวัดเพิ่มเป็น 2 วัด และวัดนี้เรียกว่าวัดใต้ เพราะเหตุว่าอยู่ตอนใต้ของหมู่บ้าน วัดนี้ร้างอยู่ประมาณ ปีเศษ ต่อมาประมาณ พ.ศ. 2402 มีพระภิกษุมาอยู่จำพรรษา ซึ่งเป็นพระที่มีจิตตั้งมั่นในการพัฒนาทำนุบำรุงวัดได้เป็นอย่างดี จึงมีชาวบ้านเห็นดีด้วย จึงให้ความร่วมมือร่วมกันสร้างอุโบสถ แบบอุดตัน คืออาคารอุดตัน ไม่มีมุขหน้า หลัง ก่อสร้างด้วยอิฐแดงขนาดใหญ่ ฉาบด้วยปูนขาว มุงด้วยกระเบื้องดินเผา
ต่อมา เมื่อ ปี พ.ศ. 2453 ได้มีหัวหน้าพนักงานวานตรวจดึงเส้น ทำระดับ ว่าจะมีการตัดถนนทางรถไฟผ่านที่วัดนี้กึ่งกลางของวัดพอดี ในขณะนั้นมี หลวงปู่โท้ เป็นเจ้าอาวาสอยู่ จึงได้ขอร้องไม่ให้ผ่านที่วัด แต่ทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่า เป็นคำสั่งของรัชกาลที่ 5 ว่าจะต้องทำถนนรถไฟผ่านตรงที่วัดให้ได้ ประกอบกับชาวบ้านเล็งเห็นว่า ที่ของทางวัดยังมีที่เหลือติดกับคลองน้ำริดก็คงพอสำหรับตั้งวัดแล้ว จึงยกที่ให้กับทางราชการไป
ดังนั้น เมื่อ ปี พ.ศ. 2454 ได้มีพนักงานมาจากทางราชการ โดยมากจะเป็นคนจีน และชาวจีนส่วนใหญ่จะชอบกินยาฝิ่นเสียเป็นส่วนใหญ่ ต่างก็มาพักอยู่ที่วัดใต้ทางทิศตะวันออก และเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2456 ทางการรถไฟได้ดำเนินการวางรางรถไฟตัดผ่านหน้าวัด ดำเนินงานวางรางรถไฟ จนพ้นหมู่บ้าน ใช้เวลาการดำเนินงานโดยประมาณ 5 เดือน ขุนประชา ตำบลน้ำริด ได้ขอแรงจากคนไทย และ คนจีน ได้ร่วมมือช่วยกันซ่อมแซมอุโบสถ และทำการเปลื่ยนกระเบื้องหลังคา ประมาณ พ.ศ. 2465 ได้ขุนวารีฤทธิ์ดำรง เป็นหัวหน้า ( กำนัน ) ได้ตั้งบ้านเลขที่ให้ และเห็นว่าวัดมีความสำคัญมาก จึงตั้งเลขที่ให้กับทางวัด ได้เลขที่ 1 หมู่ที่ 1 ตำบลน้ำริด เป็นต้นมา
ตั้งแต่นั้นมา ชาวบ้าน และ พระภิกษุ จึงได้ช่วยกันทำนุบำรุง ดูแล รักษากันมาโดยตลอด มาจนถึงยุคของ ท่านพระครูโอภาสวิมลกิจ ดูแลปกครองมาจนถึงปัจจุบัน และท่านยังได้สมณะศักดิ์พัดยศ เป็นรูปแรกของตำบลน้ำริด นับว่าเป็นประวัติของวัดอันดีงามมาโดยตลอด และหลังจากท่านพระครูโอภาสวิมลกิจมรณภาพลง โดยมี รักษาการแทนเจ้าคณะตำบลน้ำริด พระอธิการชราวุฒิ วุฒฺธิโก จึงแต่งตั้งรักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดน้ำริดใต้ คือ พระธนพร ธมฺมปาโล รูปปัจจุบัน[1]
รายนามเจ้าอาวาส ตั้งแต่รูปแรกจนถึงปัจจุบัน แก้
- รูปที่ 1. หลวงปู่โท้ ตั้งแต่ พ.ศ. 2430 ถึง (ไม่ทราบ)
- รูปที่ 2. ครูบาเสาร์
- รูปที่ 3 ครูบาคง
- รูปที่ 4 พระรอด ตั้งแต่ พ.ศ. 2496 ถึง พ.ศ. 2500
- รูปที่ 5 พระตอง ตั้งแต่ พ.ศ. 2500 ถึง พ.ศ. 2502
- รูปที่ 6 พระเบ้อ ตั้งแต่ พ.ศ. 2502 ถึง พ.ศ. 2503
- รูปที่ 7 พระปุ่น ตั้งแต่ พ.ศ. 2503 ถึง พ.ศ. 2504
- รูปที่ 8 พระเฉลิม จนฺทปโม (ปาลาศ) ตั้งแต่ พ.ศ. 2504 ถึง พ.ศ. 2506
- รูปที่ 9 พระอธิการตัน ถิรจตฺโต (ชื่นชม) ตั้งแต่ พ.ศ. 2507 ถึง พ.ศ. 2516
- รูปที่ 10 พระครูโอภาสวิมลกิจ (วิมล โอภาโส) พ.ศ. 2518 ถึง พ.ศ. 2558
- รูปที่ 11 พระธนพร ธมฺมปาโล ตั้งแต่ พ.ศ. 2558 ถึง พ.ศ. ปัจจุบัน[1]
อาณาเขตที่ตั้งวัด แก้
- ทิศเหนือ ยาว 3 เส้น 6 วา จด ถนนซอยวัฒนา
- ทิศใต้ ยาว 17 วา จด ที่นายจรัญ จันทะมา
- ทิศตะวันออก ยาว 3 เส้น 6 วา จด ทางรถไฟสายเหนือ
- ทิศตะวันตก ยาว 3 เส้น 6 วา จด คลองน้ำริด
พื้นที่ตั้งของวัดมีลักษณะอยู่ท้ายหมู่บ้าน ด้านหน้าติดถนนทางรถไฟสายเหนือ ด้านข้างซ้ายติดถนนเข้าหมู่บ้านน้ำริดใต้ ตั้งแต่ หมู่ที่ 1 ถึง หมู่ที่ 10 ในเขตตำบลน้ำริดทั้งหมดและติดต่อกับเขตตำบลบ้านด่านนาขาม ผ่านถึงนานกกกและบ้านแม่เฉย เป็นถนนสายอุตรดิตถ์และแพร่สายเหนือทั้งหมด[1]
ศาสนสถาน-ถาวรวัตถุ แก้
- อุโบสถหลังเก่า กว้าง 4.50 เมตร ยาว 11.00 เมตร สร้างเมื่อ พ.ศ. 2402 เป็นอาคาร คอนกรีต เสา คาน ค.ส.ล. ก่ออิฐฉาบปูน โครงหลังคาเป็นไม้เนื้อแข็ง มุงด้วยกระเบื้องใบโพธิ์ มีมุขหน้า ประตูเหล็กยึด
- ศาลาการเปรียญ กว้าง 16.00 เมตร ยาว 28.50 เมตร สร้างเมื่อ พ.ศ. 2523 เป็นอาคาร เสาปูน ค.ส.ถ. เป็นไม้เนื้อแข็ง พื้นเป็นไม้ โครงหลังคาเป็นไม้เนื้อแข็ง มุงด้วยกระเบื้องลอนเล็ก ต่อชานหน้าบันได ด้วยปูนทั้งหลัง โครงหลังคาเป็นไม้นื้อแข็ง มุงด้วยกระเบื้องลอนเล็ก
- หอสวดมนต์ กว้าง 4.00 เมตร ยาว 8.20 เมตร สร้างเมื่อ พ.ศ. 2511 เป็นอาคาร เสาปูน ไม้ตง ไม้พื้น เสาบนโครงหลังคาเป็นไม้ทั้งหมด
- กุฎิสงฆ์ จำนวน 2 หลัง เป็นอาคารไม้ 2 หลัง ครึ่งตึกครึ่งไม้
- ศาลาอเนกประสงค์ กว้าง 6.00 เมตร ยาว 16.00 เมตร สร้างเมื่อปี พ.ศ.2541 ก่อสร้างด้วย เสาปูน โครงหลังคาเป็นเหล็ก มุงด้วยเมชันชีด
- ศาลาธรรมสังเวช จำนวน 1 หลัง คอนกรีต เสริมเหล็ก 1 หลัง โรงครัวต่อจากศาลาการเปรียญ สองชั้น โรงครัวศาลาธรรมสังเวช ชั้นเดียว
- ซุ้มประตูคอนกรีต เสริมเหล็ก จำนวน 1 ซุ้ม
- หอระฆัง เป็นอาคารคอนกรีต เสริมเหล็ก สร้างเมื่อ วันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2550
- วิหารหลวงพ่อธรรมจักร สร้างเมื่อ พ.ศ. 2557
- เมรุ เป็นอาคารคอนกรีต เสริมเหล็ก
- อุโบสถหลังใหม่ ยาว 23 เมตร กว้าง 14 เมตร สร้างเมื่อ พ.ศ. 2555 เป็นอาคารคอนกรีต เสริมเหล็ก จิตรกรรมฝาผนังพระเจ้าสิบชาติ ( ประวัติพระพุทธเจ้ารูปแบบอินเดีย )[1]
ข้อมูลจำเพาะ แก้
- ได้รับพระบรมราชานุญาตให้สร้างวัด ตามพระราชบัญญัติลักษระการปกครองคณะสงฆ์ ร.ศ.121 เมื่อปี พ.ศ.2401
- มีพระบรมราชโองการพระราชทานวิสุงคามสีมา ( อุโบสถหลังก่า ) ปี พ.ศ.2446
- มีพระบรมราชโองการพระราชทานวิสุงคามสีมา ( อุโบสถหลังใหม่ ) ปี พ.ศ.2558
ที่ดินเฉพาะบริเวณที่ตั้งวัด มีเนื้อที่ 5 ไร่ 2 งาน 33 ตารางวา โดยมีหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินเป็นโฉนด เลขที่ 328 กรรมสิทธิ์ที่ดินป็นของวัด[1]
อ้างอิง แก้
ดูเพิ่ม แก้
แหล่งข้อมูลอื่น แก้
- แผนที่และภาพถ่ายทางอากาศของ วัดน้ำริดใต้
- ภาพถ่ายดาวเทียมจากวิกิแมเปีย หรือกูเกิลแมปส์
- แผนที่จากลองดูแมป หรือเฮียวีโก
- ภาพถ่ายทางอากาศจากเทอร์ราเซิร์ฟเวอร์