รูเพิร์ต เคมบริดจ์ ไวเคานต์เทรมาตัน
รูเพิร์ต เคมบริดจ์ ไวเคานต์เทรมาตัน (อังกฤษ: Rupert Cambridge, Viscount Trematon) (พระนามเดิม:เจ้าชายรูเพิร์ตแห่งเท็ค และ รูเพิร์ต เคมบริดจ์ ไวเคานต์เทรมาตัน) ประสูติเมื่อวันที่ 24 เมษายน ค.ศ. 1907 ณ เซอร์รีย์ เป็นพระโอรสใน เคาน์เตสแห่งแอธโลน และ อเล็กซานเดอร์ แคมบริดจ์ เอิร์ลที่ 1 แห่งแอธโลน เป็นพระนัดดาใน เจ้าฟ้าดยุกแห่งออลบานี พระราชปนัดดาใน ราชินีนาถวิกตอเรีย และยังมีศักดิ์เป็นพระญาติใน อดีตสมเด็จพระราชินีนาถเบียทริกซ์ และ คาร์ลที่ 16 กุสตาฟ
รูเพิร์ต เคมบริดจ์ ไวเคานต์เทรมาตัน | |
---|---|
รูเพิร์ต จอร์จ อเล็กซานเดอร์ ออกัสตัส | |
เกิด | เจ้าชายรูเพิร์ตแห่งเท็ค 24 เมษายน ค.ศ. 1907 เซอร์รีย์ ประเทศอังกฤษ สหราชอาณาจักร |
เสียชีวิต | 15 เมษายน ค.ศ. 1928 แบลวิลล์ ประเทศฝรั่งเศส | (20 ปี)
ที่ฝังศพ | สุสานหลวงฟ็อกช์มอร์ |
บิดามารดา |
|
ในปี ค.ศ. 1917 เจ้าชายรูเพิร์ตแห่งเท็คพร้อมด้วยพระเชษฐภคินี เลดีเมย์ อเบล สมิธ ทงรมีพระประสงค์จะสละพระอิสริยยศ เจ้าชาย/เจ้าหญิงแห่งเท็ค และเปลี่ยนพระนามเป็น รูเพิร์ต เคมบริดจ์ ไวเคานต์เทรมาตัน ซึ่งตำแหน่งไวเคานต์เทรมาตัน เป็นตำแหน่งของผู้สืบตำแหน่ง เอิร์ลแห่งแอธโลน เขาเป็นทายาทของตำแหน่งดังกล่าว พระองค์ทรงมีพระอาการโรคเฮโมฟีเลีย ซึ่งเป้นพระโรคเดียวกับ ราชินีนาถวิกตอเรีย พระปัยยิกา (ยายทวด) ในพระองค์ โดยผ่านทาง เจ้าฟ้าดยุกแห่งออลบานี พระอัยกา (ตา) ลงมาส่งถึงพระมารดาและพระองค์พร้อมด้วยพระภคินีและพระอนุชา
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง จอร์จที่ 5 ทรงมีพระบรมราชโองการที่จะเปลี่ยนราชสกุลให้มีความเป็นชาติอังกฤษมากขึ้น เนื่องจากที่แล้วมาสหราชอาณาจักรใช้ราชวงศ์แซกซ์-โคเบิร์กและโกธา โดยจะทรงเปลี่ยนเป็น ราชวงศ์วินด์เซอร์ ต่อมาก็ได้รับการคัดค้านจากข้าราชบริพารหลายท่าน พระบรมราชโองการนี้จึงเป็นที่ถกเถียง ขณะที่พระเจ้าจอร์จที่ 5 ครองราชย์นั้น ก็ทรงใช้ราชสกุลเดิม และราชวงศ์วินด์เซอร์ได้รับการใช้แบบเป็นทางการในรัชสมัยของ ราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2
รูเพิร์ต เคมบริดจ์ ไวเคานต์เทรมาตัน สิ้นพระชนม์ลงเมื่อวันที่ 15 เมษายน ค.ศ. 1928 จากพระอาการพระโลหิตคั่งในพระมัตถลงค์ (เลือดออกในสมอง) จากการประสบอุบัติเหตุในประเทศฝรั่งเศส และเมื่อพระบิดาสิ้นพระชนม์ ตำแหน่งดังกล่าวก็ยุติลง
อ้างอิง แก้
- Russel, Peter; Hertz, Paul; McMillan, Beverly. Biology: The Dynamic Science. Belmon, CA: Brooks/Cole. p. 265.