มาม่า เป็นเครื่องหมายการค้า ของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ผลิตโดย บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) และจัดจำหน่ายโดย บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน)

บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน)
ประเภทบริษัทมหาชน
อุตสาหกรรมอาหารกึ่งสำเร็จรูปและขนมอบ
ก่อตั้งพ.ศ. 2515
สำนักงานใหญ่304 อาคารทีเอฟ ถนนศรีนครินทร์ แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ ประเทศไทย
เว็บไซต์เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
โลโก้ของมาม่า
โลโก้ของมาม่า

ประวัติ แก้

บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด ก่อตั้งเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2515 โดยการร่วมทุนกันระหว่าง บริษัท เพรซิเดนท์ เอ็นเทอร์ไพรส์ จำกัด ผู้ชำนาญทางเทคโนโลยีการผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) กับบริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (ปัจจุบันเป็น บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน)) ผู้รับผิดชอบการตลาดและจำหน่ายสินค้าในประเทศไทย ซึ่งมีทุนจดทะเบียนเบื้องต้น มูลค่า 6 ล้านบาท เพื่อผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ในเครื่องหมายการค้า มาม่า มีสำนักงานใหญ่แห่งแรก ตั้งอยู่ริมถนนเพชรบุรีตัดใหม่ และโรงงานแห่งแรก ตั้งอยู่ที่เขตหนองแขม กรุงเทพมหานคร

  • พ.ศ. 2516 - ผู้ถือหุ้นชาวไต้หวัน โอนหุ้นของบริษัทฯ ให้กับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ชาวไทย เป็นผู้บริหารต่อมาจนถึงปัจจุบัน และเริ่มออกผลิตภัณฑ์แรกคือ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป รสซุปไก่
  • พ.ศ. 2518 - บริษัทฯ เพิ่มเครื่องจักรเป็น 3 ตัว และก่อตั้ง บริษัท เพรซิเดนท์ คอมเมอร์เชียล จำกัด เพื่อเป็นผู้แทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์
  • พ.ศ. 2519 - เปิดโรงงานแห่งที่สอง ที่อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี, เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 10 ล้านบาท และเตรียมการผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสชาติใหม่เพิ่มเติม
  • พ.ศ. 2521 - บริษัท นิสชิน คอนเฟกชันเนอรี จำกัด ถ่ายทอดกรรมวิธีการผลิตขนมปังกรอบ (บิสกิต) ให้แก่บริษัทฯ, สร้างโรงงานผลิตขนมปังกรอบ ภายในบริเวณโรงงานศรีราชา, เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 20 ล้านบาท และเข้าเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตั้งแต่แรกเปิดทำการตลาดหุ้นในไทย
  • พ.ศ. 2522 - ปรับปรุงเครื่องจักร ขยายกำลังการผลิต และเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 32.5 ล้านบาท
  • พ.ศ. 2523 - เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 37.5 ล้านบาท
  • พ.ศ. 2524 - เพิ่มเครื่องจักรและอุปกรณ์ผลิตขนมปังกรอบ และเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 40 ล้านบาท
  • พ.ศ. 2525 - บริษัทฯ ได้รับรางวัล ผู้ผลิตอาหารยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย (อินเตอร์แนชชันนัล เอเชีย อวอร์ด) สามปีซ้อน (2525-2527)
  • พ.ศ. 2527 - ร่วมลงทุนกับ บจก.เมียวโจ้ฟูดส์ เพื่อผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปคุณภาพสูง (พรีเมียม) ในเครื่องหมายการค้า เมียวโจ้
  • พ.ศ. 2528 - ร่วมลงทุนกับ บจก.เพรซิเดนท์เบเกอรี เพื่อผลิตขนมปังสด ในเครื่องหมายการค้า ฟาร์มเฮ้าส์
  • พ.ศ. 2529 - โรงงานศรีราชาสามารถผลิตได้อย่างเต็มกำลังแล้ว บริษัทฯ จึงปิดโรงงานที่หนองแขม
  • พ.ศ. 2530 - บริษัทฯ ได้รับรางวัลประหยัดพลังงาน จากกระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและการพลังงาน เนื่องจากสามารถปรับปรุงการผลิต จากระบบให้ความร้อนโดยตรง (ไดเรกต์ ฮีต) เป็นการให้ความร้อนโดยอ้อม (Indirect Heat) ซึ่งส่งผลให้ประหยัดพลังงานได้ถึงร้อยละ 75 และยังทำให้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพสม่ำเสมอยิ่งขึ้นด้วย
  • พ.ศ. 2531 - ร่วมลงทุนกับบริษัทสองแห่งคือ บจก.ไทยมี เพื่อผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสำหรับส่งออกต่างประเทศ และ บจก.ซันโก แมชีเนอรี (ประเทศไทย) เพื่อประกอบเครื่องจักรสำหรับบรรจุภัณฑ์
  • พ.ศ. 2532 - ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต, ก่อสร้างโรงงานที่ผลิตเพื่อการส่งออก โดยมีคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) มอบสิทธิประโยชน์ให้ และเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 60 ล้านบาท
  • พ.ศ. 2533 - ก่อตั้ง บริษัท เพรซิเดนท์เดนิชฟูดส์ จำกัด โดยร่วมทุนกับ บจก.เดนิชแฟนซีฟูดส์กรุ๊ป แห่งประเทศเดนมาร์ก เพื่อผลิตขนมคุกกี ในเครื่องหมายการค้า เคลด์เซน
  • พ.ศ. 2534 - จัดตั้ง บริษัท ทีเอฟ อินเตอร์ฟูดส์ (ยูเอสเอ) อินค์. (T.F. Interfoods (USA) Inc.) เพื่อบริหารธุรกิจต่างๆ รวมทั้งเป็นผู้แทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา และเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 120 ล้านบาท
  • พ.ศ. 2535 - ย้ายสำนักงานใหญ่ไปยังถนนศรีนครินทร์ ในเดือนมิถุนายน, ร่วมทุนจัดตั้ง บจก.คุนหมิงไทตงยีฟูดส์ เพื่อผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป สำหรับจำหน่ายในสาธารณรัฐประชาชนจีน, ร่วมลงทุนกับ บจก.ไทซันฟูดส์ เพื่อผลิตน้ำผลไม้ และร่วมทุนจัดตั้ง บจก.ไดอิชิแพกเกจจิง เพื่อผลิตบรรจุภัณฑ์สำหรับบริษัทในกลุ่ม
  • พ.ศ. 2536 - โรงงานศรีราชาได้รับการส่งเสริมการลงทุน ในเดือนมีนาคม
  • พ.ศ. 2537 - บริษัทฯ แปรรูปเป็นบริษัทมหาชน ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม และร่วมลงทุนกับบริษัทสองแห่งคือ บริษัท นิสชินฟูดส์ (ไทยแลนด์) จำกัด และ บริษัท ซีพีเอ็นเทอร์ไพรส์ฟูดส์ จำกัด เขตปกครองพิเศษฮ่องกง
  • พ.ศ. 2538 - ก่อสร้างโรงงานผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปใหม่ บนเนื้อที่ 37 ไร่ ที่จังหวัดลำพูน โดยได้รับสิทธิประโยชน์การส่งเสริมการลงทุน โรงงานแห่งนี้สามารถผลิตบะหมี่แบบซองได้จำนวน 14,256 ตันต่อปี และบะหมี่แบบถ้วยได้จำนวน 260 ตันต่อปี
  • พ.ศ. 2540 - บริษัทฯ เป็นรายแรกของประเทศไทย ที่ได้รับประกาศนียบัตร ระบบไอเอสโอ 9002 จากอาร์ดับเบิลยูทียูวี
  • พ.ศ. 2541 - พัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ โดยเสริมวิตามินเอ ธาตุเหล็ก และไอโอดีน ในผลิตภัณฑ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป มาม่า มาจนถึงปัจจุบัน และได้รับรางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น ประเภทการบริหารงานคุณภาพ จากกระทรวงอุตสาหกรรม เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม
  • พ.ศ. 2542 - พัฒนาระบบการผลิตซองเครื่องปรุง จากแบบแยกเป็นแบบติดกัน, เปลี่ยนไปใช้เครื่องป้อนอัตโนมัติ เพื่อจัดชุดก้อนบะหมี่กับซองเครื่องปรุง แทนการใช้แรงงานมนุษย์, สำนักงานใหญ่กรุงเทพฯ และโรงงานศรีราชา ได้รับประกาศนียบัตร ระบบ ไอเอสโอ 14001 จาก เอสจีเอส ยาร์สลีย์ และเปลี่ยนชื่อการค้า สำหรับผลิตภัณฑ์ขนมปังกรอบ จาก "นิสชิน" เป็น "บิสชิน" ในเดือนสิงหาคม
  • พ.ศ. 2543 - ออกผลิตภัณฑ์ใหม่คือ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป รสหมูน้ำตก, เพิ่มการลงทุนใน บจก.เพรซิเดนท์เดนิชฟูดส์ เป็นร้อยละ 99.99 จากเดิมร้อยละ 74 และเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 180 ล้านบาท
  • พ.ศ. 2544 - ออกผลิตภัณฑ์ใหม่คือ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป รสหมูต้มยำ และโป๊ะแตก, โรงงานลำพูน ขยายกำลังการผลิต จากวันละ 40 ตัน เป็น 80 ตัน โดยได้รับสิทธิประโยชน์การส่งเสริมการลงทุน เมื่อเดือนกรกฎาคม, ร่วมลงทุนใน บจก.เพรซิเดนท์ฟูดส์ (กัมพูชา) ในสัดส่วนร้อยละ 30 เพื่อผลิตและจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในราชอาณาจักรกัมพูชา, ได้การรับรองมาตรฐาน เอชเอซีซีพี จาก เอสจีเอส ไทยแลนด์ เมื่อวันที่ 2 เมษายน และมาตรฐาน อีเอฟเอสไอเอส สแตนดาร์ด สหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม
  • พ.ศ. 2545 - ออกผลิตภัณฑ์ใหม่คือ บะหมี่หยกกึ่งสำเร็จรูป รสเป็ดย่างชนิดแห้ง และ บะหมี่กี่งสำเร็จรูป รสต้มยำกุ้งน้ำข้น, ร่วมลงทุนใน บริษัท ฟอร์พีเพิลฟูดส์ จำกัด (ผู้ผลิตและจำหน่าย ผลิตภัณฑ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เครื่องหมายการค้า 4-Me ของนายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เครือจีเอ็มเอ็มแกรมมี่) ในสัดส่วนร้อยละ 13 และเพิ่มการลงทุนใน บจก.ลี่ฟุ (ชิงเต่า) ฟูดส์ จากเดิมร้อยละ 19 เป็นร้อยละ 49 เป็นจำนวนเงิน 26.22 ล้านบาท
  • พ.ศ. 2546 - พัฒนาเว็บไซต์ให้ทันสมัยและชวนให้ติดตาม เพื่อประโยชน์ของการเผยแพร่ข่าวสารของบริษัทฯ และผลิตภัณฑ์ต่างๆ สู่บุคคลทั่วไป และเริ่มนำระบบการจัดการสำเร็จรูป (SAP) มาใช้แทนระบบเดิม
  • พ.ศ. 2547 - ร่วมลงทุนใน บจก.ไทยอันเป่า ผลิตภัณฑ์กระดาษ
  • พ.ศ. 2548 - ออกผลิตภัณฑ์ใหม่คือ บะหมี่โฮลวีตกึ่งสำเร็จรูป รสหมูพริกไทยดำ, เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน บจก.ไทซันฟูดส์ และ บจก.ไดอิชิแพกเกจจิง ขึ้นไปสูงกว่าร้อยละ 50
  • พ.ศ. 2550 - ออกผลิตภัณฑ์ใหม่คือ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป รสต้มแซบ, บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปคุณภาพสูง (พรีเมียม) รูปแบบเกาหลี ในชื่อสินค้า "มาม่า โอเรียนทัล คิตเชน", บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสำหรับเด็ก สูตรไม่มีผงชูรส ในชื่อสินค้า "มาม่า ก้านกล้วย" และ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสำหรับชาวมุสลิม ในชื่อสินค้า "รุสกี", จากการสำรวจสุดยอดแบรนด์แห่งเอเชีย "มาม่า" เป็นผลิตภัณฑ์อาหาร ที่ผู้บริโภคชาวเอเชียใน 9 ประเทศ นึกถึงเป็นอันดับที่ 115 และเป็นตราสินค้าที่คนไทยนึกถึง มากเป็นอันดับที่สอง
  • พ.ศ. 2551 - ออกผลิตภัณฑ์ใหม่คือ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปคุณภาพสูง "มาม่า ซูเปอร์โบวล์" รสต้มยำขาหมู และ รสแกงกะหรี่หมู โดยบรรจุเนื้อหมูจริง ภายในซองรีทอร์ทอันทันสมัย, ย้ายฐานการผลิตในกลุ่มผลิตภัณฑ์ขนมปังทั้งหมด (บิสกิต เวเฟอร์ และ คุกกี้) จากโรงงานที่ศรีราชา ไปยังโรงงานที่ระยอง ส่วนพื้นที่เดิมในโรงงานศรีราชา นำมาใช้เพิ่มกำลังการผลิตบะหมี่ถ้วย โดยใช้เครื่องจักรกำลังผลิตสูง
  • พ.ศ. 2552 - นำผลิตภัณฑ์ที่เคยผลิตในอดีต กลับมาออกใหม่คือ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป รสซุปไก่ และ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป โปรตีนไข่
  • ปัจจุบัน - ทุนจดทะเบียน 329,704,014 บาท ประกอบด้วย หุ้นสามัญ 329,704,014 ล้านหุ้น ราคาพาร์ 1 บาทต่อหุ้น ทุนชำระแล้ว 329,704,014 บาท

อ้างอิง แก้

"สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-08-19. สืบค้นเมื่อ 2010-07-08.

แหล่งข้อมูลอื่น แก้