อาสนวิหารลูว์ซง

(เปลี่ยนทางจาก มหาวิหารลูว์ซง)

อาสนวิหารลูว์ซง (ฝรั่งเศส: Cathédrale de Luçon) หรือชื่อเต็มว่า อาสนวิหารแม่พระรับเกียรติยกขึ้นสวรรค์แห่งลูว์ซง (Cathédrale Notre-Dame-de-l'Assomption de Luçon) เป็นอาสนวิหารโรมันคาทอลิกและเป็นที่ตั้งของมุขนายกประจำมุขมณฑลลูว์ซง ตั้งอยู่ในเขตเมืองลูว์ซง จังหวัดว็องเด แคว้นเปอีเดอลาลัวร์ ประเทศฝรั่งเศส สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแด่แม่พระรับเกียรติยกขึ้นสวรรค์

อาสนวิหารลูว์ซง
อาสนวิหารแม่พระรับเกียรติยกขึ้นสวรรค์
แห่งลูว์ซง
ด้านข้างของอาสนวิหารซึ่งเป็นที่ตั้งของมุขทางเข้าของวิหารเก่าแบบโรมาเนสก์
แผนที่
46°27′16″N 1°10′00″W / 46.45444°N 1.16667°W / 46.45444; -1.16667
ที่ตั้งลูว์ซง จังหวัดว็องเด
ประเทศ ประเทศฝรั่งเศส
นิกายโรมันคาทอลิก
ประวัติ
สถานะอาสนวิหาร
เสกเมื่อค.ศ. 1317
สถาปัตยกรรม
ประเภทสถาปัตย์กอทิก
รูปแบบสถาปัตย์กางเขน
ปีสร้างคริสต์ศตวรรษที่ 13
แล้วเสร็จคริสต์ศตวรรษที่ 14
อนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์
(ค.ศ. 1906 และ 1915)
(ค.ศ. 1992) - ระดับแคว้น

อาสนวิหารแห่งนี้สร้างขึ้นในแบบกอทิก และยังมีองค์ประกอบบางส่วนในแบบโรมาเนสก์ รวมทั้งในยุคที่ใหม่กว่านั้น คือ สมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา (หรือคลาสสิก) ซึ่งองค์ประกอบต่าง ๆ นี้ได้ถูกขึ้นทะเบียนเป็นอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ของประเทศฝรั่งเศสเมื่อปี ค.ศ. 1906, ค.ศ. 1915 และของระดับแคว้นเมื่อปี ค.ศ. 1992[1]

ประวัติ แก้

 
ระเบียงคดสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 14

อาสนวิหารแห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งของโบสถ์ของอารามเก่าตั้งแต่สมัยคริสต์ศตวรรษที่ 5 ซึ่งได้ถูกทำลายโดยการรุกรานของชาวนอร์มันในปี ค.ศ. 853 และอีกครั้งในปี ค.ศ. 877 และตามมาด้วยไฟไหม้ครั้งใหญ่ในปี ค.ศ. 1068 โดยกีโยมที่ 8 เคานต์แห่งปัวตู ทำให้โบสถ์ได้ถูกทำลายลงสิ้น ส่งผลให้สมเด็จพระสันตะปาปาอเล็กซานเดอร์ที่ 2 มีพระบัญชาคว่ำบาตรระหว่างคริสตจักรกับเคานต์แห่งปัวตู จึงทำให้บุตรชายคนโตของเคานต์แห่งปัวตู กีโยมที่ 9 ต้องสร้างวิหารใหม่ขึ้นทดแทนด้วยเงินของตัวเอง ในที่สุดจึงเริ่มการก่อสร้างในปี ค.ศ. 1091 โดยอธิการอารามฌอฟรัว ซึ่งกินเวลานานถึง 30 ปี และวิหารแบบโรมาเนสก์แห่งใหม่นี้ได้รับการเสกเมื่อปี ค.ศ. 1121 โดยอธิการอารามแฌร์แบร์

ในปัจจุบันยังสามารถพบเห็นซากของวิหารโรมาเนสก์เก่านี้ในอาสนวิหารปัจจุบัน โดยที่เหลืออยู่เป็นบริเวณแขนกางเขนฝั่งทิศเหนือและมุขทางเข้า ซึ่งอยู่ที่จัตุรัสซอแชเดตุชในบริเวณใกล้เคียง

ต่อมาอารามแห่งนี้ได้รับการเลื่อนฐานะขึ้นเป็นอาสนวิหารในปี ค.ศ. 1317 โดยสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์นที่ 22 ซึ่งเป็นที่ตั้งของมุขนายกแห่งมุขมณฑลปัวตีเย ต่อมาได้มีการบูรณะซ่อมแซมและปรับปรุงครั้งใหญ่ในคริสต์ศตวรรษที่ 13 และ 15 ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงสถาปัตยกรรมให้เป็นแบบกอทิก และภายหลังได้ผ่านการบูรณะปรับปรุงเป็นระยะเนื่องจากตกอยู่ท่ามกลางสมรภูมิเป็นช่วง ๆ ในระหว่างสงครามร้อยปี นอกจากนี้ยังมีระเบียงคดของอาสนวิหารซึ่งอยู่ในสภาพดีตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 14 ชาเปลบริเวณทางเดินข้างทิศใต้สร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1530 ถึงค.ศ. 1550

ต่อมาในสมัยสงครามศาสนา อาสนวิหารถูกทำลายโดยกลุ่มโปรเตสแตนต์เป็นจำนวนทั้งสิ้น 4 ครั้งในปี ค.ศ. 1562, ค.ศ. 1568, ค.ศ. 1570 และ ค.ศ. 1622 โดยถูกปล้นเอาวัตถุต่าง ๆ ด้านในไปจนหมดสิ้น

ต่อมาในปี ค.ศ. 1665 หอระฆังได้ถล่มลงบนบริเวณกลางโบสถ์ช่วงที่ 1 ทำให้ต้องมีการบูรณะก่อสร้างขึ้นใหม่ซึ่งหน้าตาเป็นแบบที่เห็นจนถึงปัจจุบันภายใต้การควบคุมของมุขนายกอ็องรี เดอ บารียง ซึ่งบริเวณยอดแหลมแบบนีโอกอทิกนั้นสร้างในคริสต์ศตวรรษที่ 19

ในปี ค.ศ. 1722 เป็นช่วงเวลาก่อสร้างชาเปลข้างฝั่งทิศเหนือ และต่อมาในครึ่งหลังของคริสต์ศตวรรษที่ 18 เป็นการสร้างแท่นบูชาจนถึงเบญจาคริสต์ บริเวณเก้าอี้ร้องเพลงสวดงานไม้แกะสลักผีมือเซบัสเตียง แลเน (Sébastien Leysner)

ในสมัยการปฏิวัติฝรั่งเศส เครื่องเรือนและเครื่องตกแต่งของอาสนวิหารถูกขายทอดตลาดและผ่านมือไปมากมาย ซึ่งอาสนวิหารได้ถูกใช้เป็นทั้งคอกม้า ค่ายทหาร และคลังแสงอาวุธ ซึ่งโชคดีที่เหล่าแท่นบูชาด้านข้างต่าง ๆ ฉากประดับแท่นบูชา และเก้าอี้ร้องเพลงสวดยังอยู่ในสภาพดี

สัดส่วน แก้

แหล่งข้อมูล[2]

อ้างอิง แก้

  1. "Notice № PA00110153". Base Mérimée กระทรวงวัฒนธรรมแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส.
  2. "Patrimoine - La cathédrale Notre-Dame-de-l'Assomption". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 24 February 2011.

แหล่งข้อมูลอื่น แก้