พายแอปเปิล (อังกฤษ: apple pie) เป็นพายผลไม้ซึ่งมีส่วนผสมหลักเป็นแอปเปิล รับประทานเป็นของหวาน บางครั้งอาจโรยหน้าด้วยวิปครีมหรือไอศกรีม หรืออาจรับประทานกับคัสตาร์ดหรือเชดดาร์ชีส[3] มีเพสตรีปิดทั้งข้างล่างและข้างบน ซึ่งเพสตรีตรงข้างบนมีลักษณะเป็นเส้นแบนยาว ซึ่งวางไขว้กัน​เหมือนเป็นลายถักตะกร้า

พายแอปเปิล
พายแอปเปิลแบบโครงตาข่าย
แหล่งกำเนิดประเทศอังกฤษ[1]
อุณหภูมิเสิร์ฟร้อนหรือเย็น
ส่วนผสมหลักแอปเปิล, แป้ง, น้ำตาล, นม, ซินนามอน, เนย, เกลือ[2]
พลังงาน
(ต่อหน่วยบริโภค 100 กรัม)
236 กิโลแคลอรี (988 กิโลจูล)

พายแอปเปิลเป็นของหวานที่นิยมรับประทานในประเทศตะวันตกหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ สวีเดน เป็นต้น พายแอปเปิลถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของสหรัฐอย่างไม่เป็นทางการ และถือเป็นหนึ่งในอาหารทานเล่นซิกเนเจอร์[4]

ส่วนผสม แก้

แอปเปิลในพายแอปเปิลต้องนำหั่นเป็นชิ้น ๆ และส่วนมากมักปอกเปลือกออกก่อน ชนิดของแอปเปิลที่นิยมใช้ในพายแอปเปิลมักมีลักษณะกรอบและค่อนข้างเปรี้ยว ได้แก่ แอปเปิลพันธุ์แบรมลีย์ เอ็มไพร์ นอร์เดิร์นสปาย หรือแกรนนีสมิธ ซึ่งเป็นพันธุ์ที่รับประทานอย่างสด ๆ หรือรับประทานเป็นส่วนผสมของอาหารจานอื่นก็ได้ แอปเปิลที่ใช้อาจเป็นแอปเปิลสด แอปเปิลกระป๋อง หรือแอปเปิลตากแห้งที่นำมาแช่น้ำไว้ก็ได้ โดยแอปเปิลตากแห้งมักจะนิยมใช้แทนแอปเปิลสดในฤดูกาลที่แอปเปิลมีน้อย

พายแอปเปิลอาลาโมด (a la Mode) ในสหรัฐอเมริกา คือพายแอปเปิลที่รับประทานกับไอศกรีม บางครั้งอาจมีชีสเชดดาร์หนึ่งชิ้นเล็ก ๆ วางอยู่ข้าง ๆ หรือข้างบนพายแอปเปิลที่ตัดออกมาเป็นชิ้นแล้วก็ได้เช่นกัน[5][6][7]

อ้างอิง แก้

  1. Kat Eschner (12 May 2017). "Apple Pie Is Not All That American". The Smithsonian. สืบค้นเมื่อ 29 March 2019.
  2. "Apple Pie". Food Network.
  3. Waters, Michael (13 July 2017). "The Long, Storied Controversy Over Cheese on Apple Pie". Atlas Obscura. สืบค้นเมื่อ 11 June 2018.
  4. D'Aiutolo, Olivia (17 August 2015). "A Pinch of History: Amelia Simmons's Apple Pie". Fondly, Pennsylvania. Historical Society of Pennsylvania. สืบค้นเมื่อ 11 June 2018.
  5. "An apple pie without the cheese". 2012 Apartment Therapy. สืบค้นเมื่อ 2012-06-14.
  6. "Apple Pie". OChef. สืบค้นเมื่อ 2012-04-07.
  7. "Product Highlight: Apple Pie, Sharp Cheddar, and A Nice Cup of Coffee". Hunger Mountain Coop. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-12-01. สืบค้นเมื่อ 2012-04-07.

แหล่งข้อมูลลอื่น แก้