นพดล พลเสน เป็นนักการเมืองชาวไทย เคยได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุทัยธานี 3 สมัย ในปี 2544, 2548 และ 2550 ปัจจุบันเป็นเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ)

นพดล พลเสน
เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เริ่มดำรงตำแหน่ง
18 กันยายน พ.ศ. 2566
นายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน
รัฐมนตรีว่าการพลตํารวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2505 (62 ปี)
พรรคการเมืองพลังประชารัฐ (2563-ปัจจุบัน)
ชาติไทยพัฒนา (2562-2563)
ชาติไทย (2543-2551)

ประวัติ แก้

นพดล พลเสน เกิดเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2505 จบการศึกษาประกาศนียบัตรวิชาชีพเทคนิค (ปวท.) จากโรงเรียนธนกิจพณิชยการ ปริญญาตรีสาขาวิชาการจัดการ จากคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยศรีปทุม ปริญญาโทสาขาบริหารรัฐกิจ จากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

โดยนายนพดล เคยถูกประแสง มงคลศิริ ร้องให้เพิกถอนประกาศนียบัตรวิชาชีพเทคนิคของโรงเรียนธนกิจพณิชยการ เมื่อปี 2548[1]

การทำงาน แก้

นพดล พลเสน เริ่มทำงานการเมืองกับพรรคชาติไทย และได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุทัยธานีครั้งแรก ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2544 และได้รับเลือกตั้งอีกครั้งในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2548 และได้รับตำแหน่งเป็นประธานคณะกรรมาธิการการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร

ต่อมาในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2550 เขาได้ลงสมัครและได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.สมัยที่ 3 ต่อมาศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ 8 ต่อ 1 สั่งยุบพรรคชาติไทย ในความผิดตามมาตรา 237 วรรค 2 และมาตรา 68 ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ และตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค[2] นายนพดลในฐานะรองเลขาธิการพรรคชาติไทย จึงถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี

ปี 2562 เขากลับมามีบทบาททางการเมืองอีกครั้ง เมื่อได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (วราวุธ ศิลปอาชา)[3] สังกัดพรรคชาติไทยพัฒนา[4] และต่อมาเป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ และในปี 2566 เป็นเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ) ในสังกัดพรรคพลังประชารัฐ และเขายังเป็นกรรมการยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐอีกด้วย[5]

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ แก้

อ้างอิง แก้