ตระกูลภาษาแอโฟรเอชีแอติก

ตระกูลภาษาแอโฟรเอชีแอติก (อังกฤษ: Afroasiatic languages) เป็นตระกูลภาษาที่มีสมาชิก 375 ภาษาและมีผู้พูดมากกว่า 300 ล้านคน แพร่กระจายในตะวันออกกลาง แอฟริกาเหนือ แอฟริกาตะวันตก แอฟริกาตะวันออก แอฟริกากลางและแอฟริกาตะวันตกเฉียงใต้ (รวมผู้พูดภาษาอาหรับ 200 ล้านคน) ชื่อของภาษาตระกูลนี้ตั้งโดย Joseph Greenberg เพื่อใช้แทนชื่อเดิม ตระกูลภาษาฮามิโต-เซมิติก กลุ่มย่อยของภาษาตระกูลนี้ได้แก่

ตระกูลภาษาแอโฟรเอชีแอติก
ภูมิภาค:จะงอยแอฟริกา, แอฟริกาเหนือ, ซาเฮล และแอฟริกาตะวันตก
การจําแนก
ทางภาษาศาสตร์
:
หนึ่งในตระกูลภาษาที่มีผู้พูดมากที่สุดในโลก
ภาษาดั้งเดิม:แอโฟรเอชีแอติกดั้งเดิม
กลุ่มย่อย:
ISO 639-2 / 5:afa
กลอตโตลอก:afro1255[2]
{{{mapalt}}}
แผนที่แสดงการกระจายของภาษาตระกูลแอโฟรเอชีแอติก; สีเหลืองซีดคือบริเวณที่ไม่มีผู้พูดภาษาใด ๆ ในตระกูลนี้เลย
แผนที่แสดงการกระจายของตระกูลภาษาแอโฟรเอชีแอติกด้วยสีเหลือง

ส่วนใหญ่ยอมรับให้ภาษาออนโกตาอยู่ในภาษากลุ่มโอมอติก แต่การแบ่งภายในตระกูลยังขาดข้อมูล Harold Fleming จัดให้เป็นสาขาเอกเทศของภาษากลุ่มแอโฟรเอชีแอติกที่ไม่ใช่กลุ่มโอมอติก[3]

ถิ่นกำเนิด แก้

ไม่มีข้อตกลงที่ตายตัวว่าภาษาแอโฟรเอชีแอติกดั้งเดิมอยู่ที่ใด เชื่อกันว่าภาษานี้มีจุดกำเนิดในแอฟริกาตะวันออกเฉียงเหนือ[4][5] นักวิชาการบางคนเสนอว่าอยู่ที่เอธิโอเปียเพราะบริเวณดังกล่าวมีภาษาในกลุ่มนี้หลากหลายมากในพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ที่ใกล้เคียงกัน นักวิชาการกลุ่มอื่นเสนอว่าอยู่ตามชายฝั่งตะวันตกของทะเลแดง และในสะฮารา มีผู้เสนอว่าน่าจะมีจุดกำเนิดที่บริเวณเลอวานต์ซึ่งเป็นบริเวณที่พบภาษากลุ่มเซมิติกแพร่กระจายอยู่มาก

ภาษากลุ่มเซมิติกเป็นภาษาตระกูลแอโฟรเอชีแอติกเพียงกลุ่มเดียวที่อยู่นอกทวีปแอฟริกา นักวิชาการบางส่วนเชื่อว่า ในยุคประวัติศาสตร์หรือใกล้เคียง ผู้พูดภาษาเซมิติกข้ามจากอาระเบียใต้กลับสู่เอธิโอเปียและเอริเทรีย ในขณะที่อีกมุมมองหนึ่งเห็นว่าภาษากลุ่มเซมิติกมีจุดกำเนิดในเอธิโอเปีย [6]มุมมองที่สามอาศัยความคล้ายคลึงกันระหว่างภาษากลุ่มเซมิติกกับภาษาอียิปต์โบราณ สันนิษฐานว่าภาษาทั้งสองนี้อาจมีบรรพบุรุษร่วมกัน โดยมีผู้พูดอยู่ในบริเวณลุ่มแม่น้ำไนล์ข้ามสู่คาบสมุทรไซนายเมื่อประมาณ 5,457 - 5,257 ปีก่อนพุทธศักราช ผู้คนที่เป็นนักล่าในวัฒนธรรมเอล-ฮารีฟและดำรงชีวิตด้วยการร่อนเร่เลี้ยงสัตว์ กระจายตามชายฝั่งทะเลแดงและบริเวณเลอวานต์ทางชายขอบของดินแดนพระจันทร์เสี้ยวอันสมบูรณ์ได้พัฒนาวัฒนธรรมเฉพาะกลุ่มขึ้นมา

ภาษาที่มีวรรณยุกต์พบในภาษากลุ่มโอโตก ชาด และคูชิติก และจาก Ehret (1996) ระบุว่าภาษากลุ่มเซมิติก เบอร์เบอร์ และภาษาอียิปต์ไม่ใช้ความแตกต่างของระดับเสียงในการแยกหน่วยเสียง

ความหลากหลายที่พบภายในตระกูลภาษานี้ และการที่ไม่มีคำศัพท์ใช้ร่วมกันในหัวข้อทางเกษตรกรรม จึงเป็นไปได้ว่าผู้พูดภาษาตระกูลนี้แยกจากกันก่อนการเข้าสู่ยุคเกษตรกรรม มีคำศัพท์ใช้ร่วมกันบ้าง เช่นคำศัพท์เกี่ยวกับภาชนะ Ehret[7] อธิบายว่าภาษาตระกูลแอโฟรเอชีแอติกพัฒนาขึ้นมาจากชีวิตประจำวันในการทำมาหากินในเอธิโอเปีย แต่ก็มีผู้เสนอว่าคำเหล่านี้พบเฉพาะในภาษากลุ่มคูชิติกและโอมอติก และไม่พบคำที่มีต้นกำเนิดร่วมกันทางเกษตรกรรม ถ้าให้มีวิถีชีวิตแบบช่างปั้นหม้อกว้างขวางในสะฮาราเมื่อ 7,457 ปีก่อนพุทธศักราช [8]และเกษตรกรรมในช่วงท้ายของยุคหินเกิดขึ้นเมื่อ 4,547 ปีก่อนพุทธศักราช [9]ช่วงนี้น่าจะเป็นช่วงที่ภาษาแอโฟรเอชีแอติกดั้งเดิมเกิดการกระจายตัว เป็นที่รู้กันว่าเกษตรกรในเอธิโอเปียเคลื่อนย้ายเข้าสู่แผ่นดินที่สูงกว่าของนิวเบีย ซูดาน และจากความพยายามถอดความจารึกอักษรเมรอยติกพบว่ามีลักษณะของสำคัญของภาษาตระกูลแอโฟรเอชีแอติกอยู่ด้วย นักภาษาศาสตร์ Lionel Bender เสนอว่ารอบนอกของดินแดนนี้ทางตอนใต้ของลุ่มน้ำไนล์เป็นศูนย์กลางของการแพร่กระจายของภาษาตระกูลนี้ จุดวิกฤติของยุคนี้คือสะฮาราที่มีความอุดมสมบูรณ์ด้วยแม่น้ำและทะเลสาบ การแพร่กระจายตัวออกไปอาจมีสาเหตุมาจากความแห้งแล้งของสะฮารา[10][11]

ประวัติการจัดจำแนก แก้

นักวิชาการในยุคกลาง เช่นราวพุทธศตวรรษที่ 14 มักเชื่อมโยงสาขาต่าง ๆ ของตระกูลภาษาแอโฟรเอชีแอติกเข้าด้วยกัน นักไวยากรณ์ภาษาฮีบรู ยูดะห์ อิบน์ กูรอยศ์ แห่งติอาเรตในแอลจีเรียเชื่อว่ามีความสัมพันธ์กันระหว่างภาษากลุ่มเบอร์เบอร์และภาษากลุ่มเซมิติก (ซึ่งใช้ภาษาฮีบรู ภาษาอาหรับและภาษาอราเมอิกเป็นตัวแทน)

ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 24 นักวิชาการจากยุโรปเริ่มพบความสัมพันธ์มากขึ้น เช่นใน พ.ศ. 2387 Th. Benfey เสนอว่าภาษาในตระกูลนี้ประกอบด้วยภาษากลุ่มเซมิติก ภาษากลุ่มเบอร์เบอร์ และภาษากลุ่มคูชิติก (ภายหลังเรียกว่าภาษากลุ่มเอธิโอปิก) ในปีเดียวกัน T.N. Newman เสนอความสัมพันธระหว่างภาษากลุ่มเซมิติกกับภาษาฮัวซา แต่ยังเป็นข้อโต้แย้งเรื่อยมา จนกระทั่ง Friedrich Muller ตั้งชื่อภาษาตระกูลนี้ว่า ตระกูลภาษาฮามิโต-เซมิติกเมื่อ พ.ศ. 2419 โดยระบุว่าภาษาตระกูลนี้ประกอบด้วยภาษากลุ่มเซมิติกและภาษากลุ่มฮามิติก (ประกอบด้วยภาษาอียิปต์ ภาษากลุ่มเบอร์เบอร์ และภาษากลุ่มคูชิติก โดยตัดภาษากลุ่มชาดออกไป)

Leo Reinisch (1909) เสนอให้เชื่อมโยงภาษากลุ่มชาดกับภาษากลุ่มคูชิติก ในขณะที่ให้ภาษาอียิปต์กับภาษากลุ่มเซมิติกมีความห่างไกลกันมากขึ้น Marcel Cohen (1924) ปฏิเสธแนวคิดการแยกกลุ่มย่อยฮามิติก เพิ่มภาษากลุ่มชาดและเสนอชื่อภาษาตระกูลนี้ว่าตระกูลภาษาแอโฟรเอชีแอติก ซึ่งนักวิชาการส่วนใหญ่ยอมรับการแบ่งนี้ ใน พ.ศ. 2512 Harold Fleming เสนอให้รวมภาษากลุ่มโอมอติกเป็นอีกสาขาหนึ่ง นอกจากนั้น นักวิชาการส่วนใหญ่ยังตั้งคำถามเกี่ยวกับการรวมภาษาเบยาเข้าในภาษากลุ่มคูชิติก

โดยสรุป การแบ่งสาขาย่อยของภาษาตระกูลนี้ เป็นดังนี้

  • การจัดของ Ehret มี ภาษาอียิปต์ ภาษากลุ่มเบอร์เบอร์ และภาษากลุ่มเซมิติกรวมอยู่ในกลุ่มย่อยแอโฟรเอชีแอติกเหนือ
  • Paul Newman (1980) จัดให้ภาษากลุ่มเบอร์เบอร์อยู่กับภาษากลุ่มชาดและภาษาอียิปต์อยู่กับภาษากลุ่มเซมิติก และมีการตั้งคำถามเกี่ยวกับการรวมภาษากลุ่มโอมอติก
  • Fleming (1981) แบ่งกลุ่มแอโฟรเอชีแอติกที่ไม่ใช่โอมอติกหรืออิริเทรีย เป็น 3 กลุ่มคือ กลุ่มคูชิติก กลุ่มเซมิติกและกลุ่มชาด-เบอร์เบอร์-อียิปต์ รวมทั้งเสนอว่าภาษาออนโกตาอาจจะเป็นสาขาของภาษากลุ่มอิริเทรียด้วย
  • Lionel Bender (1997)เสอนภาษากลุ่มคูชิติกใหญ่ประกอบด้วยภาษากลุ่มเบอร์เบอร์ ภาษากลุ่มคูชิติก และภาษากลุ่มเซมิติก ยอมรับภาษากลุ่มชาดและภาษากลุ่มโอมอติกเป็นอีกสาขาหนึ่ง
  • Vladmir Orel และ Olga Stolbova (1995) รวมภาษากลุ่มเบอร์เบอร์เข้ากับภาษากลุ่มเซมิติก รวมภาษากลุ่มชาดเข้ากับภาษากลุ่มอียิปต์ และแยกกลุ่มคูชิติกออกมาต่างหาก
  • Alexander Militarev (2000) จากพื้นฐานทางรากศัพท์ รวมกลุ่มภาษาเบอร์เบอร์ไว้กับภาษากลุ่มชาด ซึ่งมีความห่างไกลจากภาษากลุ่มเซมิติก ไม่ยอมรับภาษากลุ่มคูชิติกและโอมอติก

อ้างอิง แก้

  1. Sands, Bonny (2009). "Africa's Linguistic Diversity". Language and Linguistics Compass. 3 (2): 559–580. doi:10.1111/j.1749-818x.2008.00124.x.
  2. Nordhoff, Sebastian; Hammarström, Harald; Forkel, Robert; Haspelmath, Martin, บ.ก. (2013). "Afro-Asiatic". Glottolog 2.2. Leipzig: Max Planck Institute for Evolutionary Anthropology.
  3. Harold C. Fleming: Ongota: A Decisive Language in African Prehistory. Harrassowitz, Wiesbaden 2006, ISBN 3-447-05124-8.
  4. Christopher Ehret; S. O. Y. Keita; Paul Newman; Peter Bellwood. "The Origins of Afroasiatic". Science. Vol. 306 no. 5702. p. 1680. doi:10.1126/science.306.5702.1680c. สืบค้นเมื่อ 16 May 2020.
  5. Daniel F. Mc Call (February 1998). "The Afroasiatic Language Phylum: African in Origin, or Asian?". Current Anthropology. 39 (1): 139–144. doi:10.1086/204702.
  6. Fleming, Harold C. (1968), "Ethiopic Language History: Testing Linguistic Hypotheses in an Archaeological and Documentary Context" in Ethnohistory, Vol. 15, No. 4 (Autumn), pp. 353-388 doi:10.2307/480417
  7. Ehret, Christopher (1982), "On the antiquity of agriculture in Ethiopia" Journal of African History (Uni of Calif. Berkeley Press) doi:10.1017/S002185370001700X
  8. Barnett, William; Hoopes, John, บ.ก. (1995). The Emergence of Pottery. Washington: Smithsonian Institution Press. ISBN 1-56098-517-8.
  9. Midant-Reynes, Beatrix (2000), The Prehistory of Egypt: from the first Egyptians to the first Pharaohs (Blackwell) ISBN 9780631217879
  10. Fagan, Brian (29 December 2004), The Long Summer: how climate changed civilisation (London: Grant Books) ISBN 978-0465022823
  11. Burroughs, William J. (2005). Climate Change in Prehistory:the end of the reign of Chaos (PDF). Cambridge University Press. doi:10.1017/CBO9780511535826. ISBN 978-0-521-82409-5.

บรรณานุกรม แก้

แหล่งข้อมูลอื่น แก้