คีน (อังกฤษ: Keane) เป็นวงออลเทอร์นาทิฟร็อกจากอีสต์ซัสเซกซ์ อังกฤษ เจ้าของบทเพลง "Somewhere Only We Know", "Everybody's Changing" อัลบั้มแรก Hopes And Fears ได้รับรางวัลบริตอะวอดส์สาขาอัลบั้มบริติชแห่งปี และเป็นหนึ่งในอัลบั้มขายดีที่สุดของสหราชอาณาจักร[1] อัลบั้มที่สอง Under the Iron Sea เปิดตัวด้วยอันดับที่ 4 บนบิลบอร์ด 200 คีนเป็นที่รู้จักจากการใช้คีย์บอร์ดเป็นเครื่องดนตรีนำแทนกีตาร์ ก่อนจะพัฒนาไปใช้เครื่องสังเคราะห์เสียงในช่วงอัลบั้มที่ 2–3[2] ในปี ค.ศ. 2019 คีนมียอดขาย 13 ล้านชุดทั่วโลก[3]

คีน (Keane)
ข้อมูลพื้นฐาน
ที่เกิดแบตเทิล อีสต์ซัสเซกซ์ ประเทศอังกฤษ
แนวเพลงออลเทอร์นาทิฟร็อก, ป็อปร็อก, โพสต์บริตป็อป, ซอฟต์ร็อก
ช่วงปีค.ศ. 1995–ปัจจุบัน
ค่ายเพลงIsland, Interscope, Fierce Panda
สมาชิกTim Rice-Oxley
Tom Chaplin
Richard Hughes
Jesse Quin
อดีตสมาชิกDominic Scott
เว็บไซต์KeaneMusic.com

ประวัติ แก้

คีนอาศัยอยู่ในเมืองเล็ก ๆ ชื่อแบตเทิล ซึ่งอยู่ทางใต้ของประเทศอังกฤษ สมาชิกทั้งหมดรู้จักกันหลังเข้าเรียนที่โรงเรียนทอนบริดจ์ในเคนต์ ทิมมีโอกาสเรียนเปียโนที่โรงเรียน แต่ไม่นานนักเค้าก็รู้สึกเบื่อกับดนตรีคลาสสิก และเลิกไปในที่สุด จนในที่สุดทิมเริ่มที่จะสนุกกับการเล่นคีย์บอร์ด และโปรแกรมแต่งเพลงต่าง ๆ และเริ่มพยายามที่จะเขียนเพลงของตัวเองและเล่นให้เพื่อน ๆ ฟัง และริชาร์ดก็เริ่มที่จะฝึกเล่นกลอง และพวกเขาก็เริ่มที่จะเล่นกันเป็นวง หามือกีต้าร์มาร่วม (โดมินิค สก็อตต์) และในที่สุดก็ได้ทอมมาเป็นนักร้องนำของวง เดิมพวกเขาใช้ชื่อว่า "Lotus Eaters" แต่ภายหลังเปลี่ยนเป็น "Keane" ตามชื่อ Cherry Keane เพื่อนของแม่ทอมที่ให้การสนับสนุนวง[4]

ปี 1999 คีนย้ายมาที่ลอนดอนเพื่อหาบริษัทค่ายเพลง ผ่านไป 2 ปี พวกเขาก็ยังหาค่ายเพลงไม่ได้ รวมไปถึงโดมินิคก็ออกไปจากวง พวกเขากลับไปบ้านเดิมด้วยความผิดหวังและถังแตก รับทำงานไปวัน ๆ ส่วนตอนกลางคืนก็ซ้อมเพลงกันเช่นเคย จนในที่สุดคีนมีโอกาสได้ไปฝรั่งเศสเพื่อทำเดโมกันใหม่ โดยคราวนี้ไม่มีคนเล่นกีต้าร์ เสียงเปียโนและคีย์บอร์ดจึงเข้ามาแทนที่ เดือนมกราคม ปี 2003 พวกเขาได้โอกาสที่จะได้ออกซิงเกิลกับค่ายอินดี้ชื่อดัง Fierce Panda คีนกลับไปที่เมืองแบตเทิลอีกครั้งเพื่อบันทึกเสียงเพลง "Everybody's Changing" โดยเพลงนี้เป็น Single Of The Week ที่ Radio 1 เลือกโดย DJ Steve Lamacq และดีเจคนอื่นก็ค่อย ๆ เลือกเพลงของคีน ในสัปดาห์แรกที่ซิงเกิลออกจำหน่ายในรูปซีดี "Everybody's Changing" ทำยอดขายได้ 733 ชุดจากทั้งหมด 1500 ชุด[5]

การที่ได้ไปเล่นดนตรีตามรายการวิทยุต่าง ๆ รวมถึงการทัวร์คอนเสิร์ตนั้น ทำให้คีนได้เจอกับค่ายเพลงใหญ่ ๆ หลายค่าย ซึ่งพวกเขาเลือกค่ายที่เสนอและให้โอกาสพวกเขาเต็มที่ในการคิดและทำงานเพลง แล้วจึงกลับไปเพื่อบันทึกเพลงที่สตูดิโอเล็ก ๆ ชื่อ Helioscentric กับโปรดิวเซอร์ Andy Green เพื่อที่จะทำงานเพลงอัลบั้ม Hopes And Fear ในปลายปี 2003 ในที่สุดอัลบั้ม Hopes And Fears ก็ได้ออกวางแผงในเดือนพฤษภาคม ปี 2004

การทัวร์คอนเสิร์ตของพวกเขายังคงดำเนินต่อไป ซึ่งคราวนี้พวกเขาได้เดินทางไปทั่วโลกเป็นเวลาเกือบ 18 เดือน ในปี 2004 เขาออกทัวร์ในอังกฤษ เดือนตุลาคมปี 2005 เขาเริ่มทัวร์ที่อเมริกา ซึ่งรวมไปถึงการทัวร์กับร่วมกับ U2 ที่เมดิสันสแควร์การ์เดน และเดินทางต่อไปยังเม็กซิโก ญี่ปุ่น ออสเตรเลียรวมไปถึงทั่วยุโรป เล่นเฟสติวัลต่าง ๆ ทั่วโลก และการได้เป็นหนึ่งในศิลปินที่ได้ร่วมคอนเสิร์ต Live 8

อัลบั้ม Hopes and Fears ขายได้มากกว่า 5 ล้านแผ่นทั่วโลก ได้บริตอะวอดส์ 2 รางวัลในปี 2005 (ในสาขา British Breakthrough Act, Best Album)[6], รางวัลจาก Q Magazine (Best Album Award) และได้เข้าชิงรางวัลแกรมมี สาขา Best New Act หลังจากคีนทัวร์คอนเสิร์ตอย่างต่อเนื่อง พวกเขาต้องการกลับไปที่บ้าน เริ่มเขียนเพลงและเริ่มทำดนตรีกันใหม่ และในเดือนตุลาคม 2005 เขาเริ่มที่จะทำอัลบั้มใหม่กับ Andy Green โปรดิวเซอร์คนเดิม ทุกอย่างเสร็จในเดือนธันวาคม

อัลบั้มใหม่ Under The Iron Sea บันทึกเสียงที่ The Magic Shop ในโซโห นครนิวยอร์ก และสตูดิโอ Helioscentric ใกล้ ๆ เมืองแบตเทิล อัลบั้ม Under The Iron Sea (ออกกับค่าย Island/Interscope) วางแผงวันที่ 12 มิถุนายน 2006 ในประเทศอังกฤษและทั่วโลก วันที่ 20 มิถุนายน ในอเมริกาและแคนาดา มีเพลง "Is It Any Wonder?" เป็นซิงเกิลเปิดตัวอัลบั้มนี้

ในปี 2008 พวกเขาออกผลงานอัลบั้มชุดที่ 3 ชื่อ Perfect Symmetry และออกซิงเกิล "Spiralling" เป็นซิงเกิลแรกของอัลบั้มนี้

ล่าสุดในปี 2012 พวกเขาก็ได้ออกผลงานชุดที่ 4 หลังจากที่เคยออก Night Train งาน EP แนวทดลองไปให้ฟังก่อน โดยอัลบั้มนี้ชื่อ Strangeland โดยสไตล์ของอัลบั้มนี้ เป็นการหวนกลับไปสู่งานแรกเริ่มอย่าง Hopes and Fears และ Under the Iron Sea ซิงเกิลแรกของชุดนี้ คือ "Silenced by the Night" ตามมาด้วย "Disconnected" ซึ่งยังคงความเป็นบริตพ็อพสดใส แต่เนื้อหาเติบโตขึ้น

ผลงานอัลบั้ม แก้

  • Hopes and Fears (2004)
  • Under the Iron Sea (2006)
  • Perfect Symmetry (2008)
  • Strangeland (2012)
  • Cause and Effect (2019)

อ้างอิง แก้

  1. Copsey, Rob (13 October 2018). "The UK's Top 40 biggest studio albums of time". Official Charts Company. สืบค้นเมื่อ 18 September 2019.
  2. "Keane explain their new sound". NME.com. 28 March 2006. สืบค้นเมื่อ 19 August 2006.
  3. "Keane returning to Brighton and announce new album". brightonandhovenews.org. 10 June 2019. สืบค้นเมื่อ 10 June 2019.
  4. Chapman, Tegan (13 January 2005). "Keane man on success, songs and Steve Lamacq". Greatreporter.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-06-13. สืบค้นเมื่อ 2020-11-20.
  5. "Keaneshaped – Discography – Everybody's Changing". สืบค้นเมื่อ 19 July 2006.
  6. การกลับมาอีกครั้งของ KEANE กับ SPIRALLING เก็บถาวร 2009-01-04 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน universalmusic.co.th

แหล่งข้อมูลอื่น แก้