คลองบางไส้ไก่ เป็นคลองในท้องที่เขตธนบุรีและเขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร มีความยาว 3.212 กิโลเมตร เริ่มตั้งแต่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาด้านถนนเจริญนคร เขตคลองสาน ไปเชื่อมคลองบางกอกใหญ่ และมีจุดเชื่อมกับคลองสมเด็จเจ้าพระยาที่เขตธนบุรี ไปออกแม่น้ำเจ้าพระยาอีกทางหนึ่งที่เขตคลองสาน ถือเป็นคลองหลักสำคัญที่ช่วยในการระบายน้ำในย่านฝั่งธนบุรี แถบวงเวียนใหญ่[1]

คลองบางไส้ไก่ช่วงตัดกับถนนกรุงธนบุรี

ประวัติ แก้

สมัยก่อนคลองนี้เคยมีชื่อเรียกกันว่า คลองบางสักกาย โดยตั้งชื่อคลองตามถิ่นฐานของชาวมอญในบริเวณปากคลองฝั่งคลองบางกอกใหญ่ ซึ่งชาวมอญกลุ่มนี้มีชื่อกลุ่มว่า มอญสักกาย ต่อมาชื่อคลองมีการเรียกเพี้ยนตามยุคสมัย โดยเพี้ยนมาเป็น บางสาวกลาย, บางสาวไก่, บางสายไก่ และบางไส้ไก่ตามลำดับ ส่งผลให้ชาวมอญที่ตั้งถิ่นฐานบริเวณปากคลองในปัจจุบันเปลี่ยนชื่อชุมชนเป็น "มอญบางไส้ไก่" คลองสายนี้คาดกันว่าน่าจะเป็นคลองที่ถูกขุดขึ้นมา แต่ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าขุดในสมัยใด คาดว่าน่าจะขุดในสมัยกรุงธนบุรีเป็นราชธานี บางข้อมูลบอกว่าเป็นคลองที่ขุดในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ อีกแหล่งข้อมูลก็ว่าขุดในสมัยรัชกาลที่ 5 สันนิษฐานว่าสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ (ดิศ บุนนาค) หรือสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) เป็นผู้ดำเนินการขุดคลอง[2]

คลองบางไส้ไก่ได้รับการประกาศให้เป็นคลองสายสำคัญซึ่งควรอนุรักษ์ไว้ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2510[3]

ในอดีตเคยมีปลาอาศัยอยู่ในคลองเป็นจำนวนมาก รวมทั้งยังเคยใช้เป็นเส้นทางสำหรับสัญจรทางน้ำ และพื้นที่ริมคลองส่วนใหญ่ในอดีตเป็นสวนผลไม้ของชาวบ้าน แต่ในช่วงหลังจากปี พ.ศ. 2530 ความเจริญของกรุงเทพมหานครในพื้นที่ฝั่งธนบุรีได้พัฒนาขึ้นมากและมีการเพิ่มขึ้นของประชากรอย่างรวดเร็ว พื้นที่ริมคลองได้เปลี่ยนจากสวนผลไม้กลายเป็นอาคารบ้านเรือน และมีการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำแนวคลอง ส่งผลให้คลองบางไส้ไก่ในปัจจุบันแคบลงอย่างที่เห็น ปัจจุบันคลองบางไส้ไก่มีความกว้างประมาณ 4–8 เมตร และสภาพน้ำในคลองเน่าเสียหลายจุด โดยเฉพาะบริเวณประตูระบายน้ำฝั่งคลองบางกอกใหญ่ ซึ่งเป็นจุดบรรจบกับคลองสมเด็จเจ้าพระยา บริเวณใกล้กับมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา จะมีสภาพน้ำในคลองที่เน่าเสียอย่างเห็นได้ชัด

การใช้พื้นที่ริมคลอง แก้

มีวัดสำคัญริมคลองได้แก่ วัดบางไส้ไก่ วัดหิรัญรูจีวรวิหาร วัดใหญ่ศรีสุพรรณ และวัดสุทธาราม[4] ที่ริมคลองบางไส้ไก่ มีศาลเจ้าเก่าแก่คือ ศาลเจ้าแม่ทับทิม อยู่ตรงมุมบ้านหลวงอนุสิฐภูมิเทศ (เนียม เทวคุปต์) เดิมน่าจะเป็นศาลพระภูมิ แต่ต่อมากลายเป็นศาลเจ้าแม่ทับทิม[5]

สันนิษฐานว่าในอดีตคนอาศัยอยู่แถบบางไส้ไก่กันมาก ต่อมาค่อย ๆ ขยายไปด้านทิศตะวันออกเช่นย่านสำเหร่ ยังมีชาวลาวที่อพยพมาจากเวียงจันทน์ตั้งแต่สมัยปลายกรุงธนบุรีถึงต้นรัตนโกสินทร์[6] เช่น หมู่บ้านลาว หรือ ชุมชนบางไส้ไก่ อยู่ด้านหลังมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา เขตธนบุรี[7]

ชุมชนริมคลองบางไส้ไก่เป็นอาคารบ้านเรือนที่เช่าจากตระกูลบุนนาค[8]

อ้างอิง แก้

  1. "กทม. - พัฒนาคลองบางไส้ไก่". ข่าวสด.
  2. วราห์ โรจนวิภาต. "วัยเก๋าเล่าเรื่อง@ฝั่งธนฯ" (PDF). p. 149.
  3. ศิลปากร, กรม. กองจดหมายเหตุแห่งชาติ. จดหมายเหตุการณ์อนุรักษ์กรุงรัตนโกสินทร์. กรุงเทพฯ ห้างหุ่นส่วนสามัญนิติบุคคล สหประชาพาณิชย์, 2525.
  4. กรรณิการ์ สุธีรัตนาภิรมย์. "กรุงธนบุรีในสมัยอยุธยาถึงต้นรัตนโกสินทร์" (PDF). มหาวิทยาลัยศิลปากร.
  5. อภิญญา นนท์นาท. "สรุปสังสนทนา ครั้งที่ ๒ "บางหลวง บางเรา"". มูลนิธิเล็ก-ประไพ วิริยะพันธุ์. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-07-08. สืบค้นเมื่อ 2022-07-08.
  6. "รอยลาวศรีภูมิถึงลาวบางไส้ไก่". เมืองโบราณ. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-03-05. สืบค้นเมื่อ 2022-07-03.
  7. ""หมู่บ้านลาว" ชีวิตใหม่ใต้ร่มพระบารมี 238 ปี กรุงรัตนโกสินทร์". ไทยโพสต์.
  8. ฐิติวัฒน์ นงนุช. "แนวทางการพัฒนาชุมชนแขวงวัดกัลยาณ์ เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร" (PDF). จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. บัณฑิตวิทยาลัย. p. 38.