กรมการศาสนา (อังกฤษ: Department of Religious Affairs) เป็นส่วนราชการระดับกรม สังกัดกระทรวงวัฒนธรรม มีหน้าที่การดำเนินงานของรัฐด้านศาสนา โดยการทำนุบำรุงส่งเสริมและให้ความอุปถัมภ์คุ้มครองกิจการศาสนาพุทธและศาสนาอื่น ๆ ที่ทางราชการรับรอง (ศาสนาคริสต์ ศาสนาอิสลาม ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู และศาสนาซิกข์) ตลอดจนส่งเสริมพัฒนาความรู้คู่คุณธรรม ส่งเสริมความเข้าใจอันดี และสร้างความสมานฉันท์ระหว่างศาสนิกชนของทุกศาสนา รวมทั้งดำเนินการเพื่อให้คนไทยนำหลักธรรมของศาสนามาใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้เป็นคนดีมีคุณธรรม

กรมการศาสนา
เครื่องหมายราชการกรมการศาสนา
ภาพรวมหน่วยงาน
ก่อตั้ง20 สิงหาคม พ.ศ. 2484 (82 ปี)
สำนักงานใหญ่เลขที่ 10 ถนนเทียมร่วมมิตร แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร
งบประมาณประจำปี398.9637 ล้านบาท (พ.ศ. 2559)[1]
ฝ่ายบริหารหน่วยงาน
  • ชัยพล สุขเอี่ยม, อธิบดี
เว็บไซต์http://www.dra.go.th

ประวัติ แก้

ในปี พ.ศ. 2432 รัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รวมกรมที่เกี่ยวกับการศาสนา และการศึกษามาอยู่กรมเดียวกัน มีชื่อว่า "กรมธรรมการ" และได้รับการสถาปนาเป็น "กระทรวงธรรมการ" ในวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2435

ในปี พ.ศ. 2462 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำริว่า "ราชการของกระทรวงธรรมการและกรมศึกษาธิการนั้นต่างชนิดกันทีเดียว ยากที่จะเจ้ากระทรวงผู้สามารถบัญชาการได้ดีทั้ง 2 กรม คงได้ทางหนึ่งเสียทางหนึ่ง" มีพระบรมราชประสงค์จะให้ราชการเป็นไปสะดวก ทั้งจะให้สมแก่ทรงเป็นพุทธศาสนูปถัมภกโดยตรง จึงมีพระบรมราชโองการให้ย้ายกรมธรรมการ มารวมอยู่ในพระราชสำนักตามประเพณีเดิม ส่วนกระทรวงธรรมการให้เรียก "กระทรวงศึกษาธิการ" มีหน้าที่จัดการศึกษา ในปี พ.ศ. 2469 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชดำริว่า "การศึกษาไม่ควรจะแยกจากวัด" และได้เปลี่ยนชื่อกระทรวงศึกษาธิการ เป็น กระทรวงธรรมการ โดยได้งานด้านพระศาสนามาไว้ในกระทรวงธรรมการ

ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล ได้ประกาศใช้พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวงทบวงกรม พ.ศ. 2484 มีผลให้เปลี่ยนชื่อ กระทรวงธรรมการ เป็นกระทรวงศึกษาธิการ เปลี่ยนชื่อ กรมธรรมการเป็น "กรมสาสนา"[2]

ในปี พ.ศ. 2495 มีการจัดตั้งกระทรวงวัฒนธรรม และโอนกิจการของกรมการศาสนาเข้าไปสังกัด[3] ต่อมาในปี พ.ศ. 2501 จึงได้โอนกลับมาสังกัดกระทรวงศึกษาธิการตามเดิม[4] ส่วนงานวัฒนธรรมมีฐานะเป็นกอง สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ หลังจากการปฏิวัติในปี พ.ศ. 2515 กองวัฒนธรรม จึงโอนมาสังกัดกรมการศาสนา และในช่วงนี้ ซึ่งสถานการณ์โลกเข้าสู่ยุคสงครามเย็น กรมการศาสนาภายใต้การเป็นอธิบดีของพันเอกปิ่น มุทุกันต์ มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการต่อต้านภัยคอมมิวนิสต์[5]

ในปี พ.ศ. 2522 ได้มีการจัดตั้ง "สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ" สังกัดกระทรวงศึกษาธิการขึ้น กระทั่งการปฏิรูประบบราชการในปี พ.ศ. 2545 จึงมีการโอนกรมการศาสนา ไปสังกัดกระทรวงวัฒนธรรม[6] และมีการจัดตั้งสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรีอีกหน่วยงานหนึ่ง

หน่วยงานภายใน แก้

กรมการศาสนา มีหน่วยงานภายใน 4 หน่วยงาน[7] ได้แก่

  • สำนักงานเลขานุการกรม
  • กองศาสนูปถัมภ์
  • สำนักพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม
  • สำนักงานขับเคลื่อนแผนแม่บทส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ

รางวัล/โครงการ แก้

 
รางวัลเสาเสมาธรรมจักร

อ้างอิง แก้

  1. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 เล่ม 132 ตอนที่ 91ก วันที่ 25 กันยายน 2558
  2. "พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พุทธศักราช 2484" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2015-05-04. สืบค้นเมื่อ 2010-09-03.
  3. พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2495
  4. พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2501
  5. วิราวรรณ นฤปิติ, “พันเอกปิ่น มุทุกันต์ จากลูกอีสานสู่อนุศาสนาจารย์ นักรบผู้ปกป้องศาสนาพุทธในยุคสงครามเย็น,” ใน กิตติพงษ์ ประพันธ์ (บก.), บทความสืบเนื่องจากการประชุมวิชาการระดับชาติ เวทีวิจัยมนุษยศาสตร์ไทย ครั้งที่ 13 “ภูมิภาคนิยม และท้องถิ่นนิยมสมัยใหม่ในโลกไร้พรมแดน” ([มปท.]: คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, 2562), น. 252-265.
  6. "พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2011-11-12. สืบค้นเมื่อ 2010-07-08.
  7. กรมการศาสนา มีหน่วยงานภายใน 4 หน่วยงาน

ดูเพิ่ม แก้

หนังสือและบทความ แก้

แหล่งข้อมูลอื่น แก้

แหล่งข้อมูลอื่น แก้